ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่าใช้จ่ายภาครัฐในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย ที่ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางปัญหาที่ถาโถมรุมเร้า
ล่าสุด “สส.ไอติม” นายพริษฐ์ วัชรสินธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และ โฆษกพรรคประชาชน โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า เปิดคำของบ 69 ของรัฐสภา: จับตา 15 โครงการมูลค่าสูง ปรับปรุง-ติดตั้งระบบ-เติมแต่ง อาคารรัฐสภา ชวนตั้งคำถามโครงการปรับปรุงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้งานได้เพียง 5 ปี กำลังขอวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม ผ่าน 15 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 2,800 ล้านบาท ประกอบด้วย
โดย 10 โครงการนี้ ครม.และอยู่ในร่าง พ.ร.บ. งบฯ รวมทั้งสิ้น 956 ล้านบาท
โดย 5 โครงการนี้ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 2569 โดย ครม. รวม กว่า1,817 ล้านบาท
ฐานเศรษฐกิจ จึงรวบรวมประวัติการใช้งบประมาณก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่ผ่านมาว่า ได้ใช้เงินงบประมาณไปมากน้อยเพียงใด และมีประเด็นข้อสังเกตอย่างไรบ้าง
โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่มีการริเริ่มตั้งแต่ปี 2541 เมื่อมีการตั้งงบประมาณสำหรับรายการค่าสำรวจออกแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จำนวน 21,533,256 บาท แต่เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับการจัดหาสถานที่ก่อสร้าง ทำให้ต้องชะลอโครงการออกไป
โครงการเริ่มเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2551 เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรใช้เงินงบกลาง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสมทบค่าใช้จ่ายสำหรับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 446,400,000 บาท
ต่อมาในปี 2552 มีการพิจารณาเรื่องที่ดิน โดยคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินที่เป็นราชพัสดุ การรับฟังความคิดเห็นของชุมชนท้องถิ่น และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2554 เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการและงบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร วงเงินรวม 15,324,900,000 บาท พร้อมกำชับให้คำนึงถึงการใช้งบประมาณอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ตามความจำเป็นและเร่งด่วน รวมถึงให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ในปี 2556 มีการดำเนินการประกวดราคา และสำนักงบประมาณได้เห็นชอบราคาค่าก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ในวงเงินรวม 12,280,000,000 บาท โดยให้ใช้จ่ายงบประมาณในหลายส่วน ดังนี้
ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวได้รับการอนุมัติให้ขยายเวลาดำเนินการถึงปีงบประมาณ 2559 เนื่องจากผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างฯ ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้เดิม โดยระยะเวลาในการดำเนินงานก่อสร้างตามสัญญากำหนดไว้ 900 วัน
การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ประสบกับความล่าช้าหลายครั้ง ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการขอเพิ่มงบประมาณเป็นระยะ
ในปี 2560 เมื่อโครงการดำเนินการไปได้ราว 39.59% คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าโครงการอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้รายงานปัญหาสำคัญว่า เมื่องานก่อสร้างอาคารรัฐสภาเสร็จ อาจจะไม่สามารถใช้อาคารได้ เนื่องจากตามสัญญาหลักเดิมได้ตัดปริมาณงานบางส่วนออกไป ได้แก่ งานระบบสาธารณูปโภค ระบบประกอบอาคาร ที่ผู้ออกแบบได้ออกแบบไว้แล้ว แต่ยังไม่รวมอยู่ในสัญญาหลัก (งานนอกงบประมาณ) และมีงานบางส่วนซึ่งมีความจำเป็นต้องทำเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
คณะทำงานฯ จึงเสนอให้พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีกประมาณ 5,538,000,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้งบประมาณโครงการบานปลายจากวงเงินเดิมที่กำหนดไว้
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงมหาดไทยประสานติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด และกำกับให้การดำเนินการเสนอของบประมาณเพิ่มเติมของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำหนดให้การก่อสร้างอาคาร ตลอดจนระบบงานอื่น ๆ แล้วเสร็จภายในปี 2562
แม้กระทั่งเมื่ออาคารก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จและเตรียมเปิดใช้งาน เมื่อปลายปี 2563 คณะรัฐมนตรียังมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ จากการขยายเวลาสัญญาก่อสร้างแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 อีกจำนวน 44,000,000 บาท
หากรวมงบประมาณก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบทั้งหมดที่ใช้ไปจริง มีการขอและได้รับงบประมาณรวมไม่ต่ำกว่า 22,987 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบประมาณที่อนุมัติไว้ในตอนแรกกว่า 7,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ของวงเงินที่อนุมัติในปี 2554
นายพริษฐ์ ตั้งข้อสังเกตสำคัญไว้ 2 ประเด็น คือ
ประเด็นแรก โครงการส่วนใหญ่เน้นไปที่การก่อสร้าง เติมแต่ง ติดตั้งระบบในส่วนต่างๆ ของอาคารรัฐสภา ทั้งที่รัฐสภาเพิ่งถูกสร้างด้วยงบประมาณ 22,987 ล้านบาท และเพิ่งเปิดใช้การมาแค่ประมาณ 5 ปี
แม้อาจมีการให้เหตุผลว่าอาคารรัฐสภาถูกก่อสร้างตามสัญญาตั้งแต่กว่า 10 ปีก่อน จึงทำให้บางส่วนไม่ได้ระบุไว้ในแบบ แต่นายพริษฐ์เห็นว่าตรงนี้ยิ่งทำให้ต้องตรวจสอบโดยละเอียดว่าสิ่งที่ขอให้มีการเพิ่มเติมนั้นมีความจำเป็นต่อการใช้งานและการทำหน้าที่ของสภาฯ จริงๆ หรือไม่
ประเด็นที่สอง บางโครงการก็น่าตั้งคำถามถึงความจำเป็น เช่น การปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ จำนวน 118 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เป็นห้องที่ใช้งานได้ปกติมาโดยตลอด และยากที่จะเห็นถึงความจำเป็นใดๆ ในการปรับปรุงขนาดใหญ่ด้วยงบประมาณขนาดนี้ ที่ตลกร้ายคือห้องนี้เป็นห้องที่ กมธ.วิสามัญงบประมาณใช้ในทุกปี เพื่อไล่ตรวจสอบความคุ้มค่าของงบประมาณของทุกหน่วยงานในประเทศ
การออกแบบและตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาผู้แทนราษฎรในห้องประชุมสุริยัน จำนวน 133 ล้านบาท ซึ่งดูเป็นการตกแต่งที่ฟุ่มเฟือยและไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการทำให้การประชุมสภาฯ มีประสิทธิภาพขึ้น
"ไม่ว่าจะงบประมาณจะมีที่มาอย่างไร หรือถูกตั้งมาโดยใคร ณ เวลานี้ยังไม่สายเกินไปที่พวกเราผู้แทนราษฎรทุกฝ่ายจะร่วมกันทำการตรวจสอบและปรับลดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรพร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานตนเองเช่นกัน" นายพริษฐ์ กล่าว