ย้อนรอย "งบฯสร้างรัฐสภา" 2.3 หมื่นล้าน ขอรีโนเวทเพิ่ม 2.7 พันล้าน

06 พ.ค. 2568 | 06:28 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ค. 2568 | 10:01 น.

สรุปมหากาพย์ “งบประมาณ” ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ใช้เงินแล้วเกือบ 2.3 หมื่นล้าน ยังไม่พอ ล่าสุด "สส.ไอติม" พบขอเพิ่มอีก 15 โครงการ วงเงิน 2.7 พันล้าน ในงบฯปี 69 ทั้งที่เพิ่งเปิดใช้งานได้ 5 ปี

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่าใช้จ่ายภาครัฐในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย ที่ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางปัญหาที่ถาโถมรุมเร้า

 

ล่าสุด “สส.ไอติม” นายพริษฐ์ วัชรสินธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และ โฆษกพรรคประชาชน โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า เปิดคำของบ 69 ของรัฐสภา: จับตา 15 โครงการมูลค่าสูง ปรับปรุง-ติดตั้งระบบ-เติมแต่ง อาคารรัฐสภา ชวนตั้งคำถามโครงการปรับปรุงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้งานได้เพียง 5 ปี กำลังขอวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม ผ่าน 15 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 2,800 ล้านบาท ประกอบด้วย

10 โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 2569 

 

โดย 10 โครงการนี้ ครม.และอยู่ในร่าง พ.ร.บ. งบฯ รวมทั้งสิ้น 956 ล้านบาท

  1. ก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่พิพิธภัณฑ์รัฐสภา (รวมค่าจ้างที่ปรึกษา) = 44 ล้านบาท
  2. พัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D ห้องบรรยายใหญ่ B1-2 = 180 ล้านบาท
  3. ปรับปรุงไฟส่องสว่างเพิ่มเติมบริเวณห้องประชุมสัมมนาชั้น B1 และ B2 = 117 ล้านบาท
  4. ปรับปรุงศาลาแก้ว 2 หลัง = 123 ล้านบาท
  5. ปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ = 118 ล้านบาท
  6. ปรับปรุงพื้นที่ครัวของอาคารรัฐสภา = 117 ล้านบาท
  7. ติดตั้งภาพและเสียงประจำห้องจัดเลี้ยง ชั้น B2 = 99 ล้านบาท
  8. จัดซื้อจอ LED Display = 72 ล้านบาท
  9. พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ส่วนภูมิทัศน์และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ = 43 ล้านบาท
  10. ปรับปรุงห้องจัดเลี้ยง ชั้น 1 โซน C = 43 ล้านบาท 

 

 

 

5 โครงการที่หน่วยงานทำคำขอ 

 

โดย 5 โครงการนี้ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 2569 โดย ครม. รวม กว่า1,817 ล้านบาท

  1. ก่อสร้างอาคารจอดรถรัฐสภา (เพิ่มเติม) (รวมค่าควบคุมงานและค่าจ้างที่ปรึกษา) = 1,529 ล้านบาท
  2. ออกแบบและตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาฯในห้องประชุมสุริยัน = 133 ล้านบาท 
  3. จัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย = 74 ล้านบาท
  4. ระบบป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 และเสริมสร้างคุณภาพอากาศ = 50 ล้านบาท
  5. จ้างงานซ่อมแซมปรับปรุงเสาไม้สัก = 31 ล้านบาท 

ฐานเศรษฐกิจ จึงรวบรวมประวัติการใช้งบประมาณก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่ผ่านมาว่า ได้ใช้เงินงบประมาณไปมากน้อยเพียงใด และมีประเด็นข้อสังเกตอย่างไรบ้าง

 

จุดเริ่มต้นโครงการรัฐสภาแห่งใหม่

 

โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่มีการริเริ่มตั้งแต่ปี 2541 เมื่อมีการตั้งงบประมาณสำหรับรายการค่าสำรวจออกแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จำนวน 21,533,256 บาท แต่เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับการจัดหาสถานที่ก่อสร้าง ทำให้ต้องชะลอโครงการออกไป

 

โครงการเริ่มเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2551 เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรใช้เงินงบกลาง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสมทบค่าใช้จ่ายสำหรับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 446,400,000 บาท

 

ต่อมาในปี 2552 มีการพิจารณาเรื่องที่ดิน โดยคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินที่เป็นราชพัสดุ การรับฟังความคิดเห็นของชุมชนท้องถิ่น และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม

 

การอนุมัติงบประมาณครั้งสำคัญ

 

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2554 เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการและงบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร วงเงินรวม 15,324,900,000 บาท พร้อมกำชับให้คำนึงถึงการใช้งบประมาณอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ตามความจำเป็นและเร่งด่วน รวมถึงให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม

 

การประกวดราคาและการปรับปรุงงบประมาณ

 

ในปี 2556 มีการดำเนินการประกวดราคา และสำนักงบประมาณได้เห็นชอบราคาค่าก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ในวงเงินรวม 12,280,000,000 บาท โดยให้ใช้จ่ายงบประมาณในหลายส่วน ดังนี้

 

  • งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 2,236,311,400 บาท (ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีจากกระทรวงการคลังแล้ว)
  • งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 อีกจำนวน 804,708,600 บาท
  • ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557-พ.ศ. 2559 จำนวน 9,238,980,000 บาท

 

ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวได้รับการอนุมัติให้ขยายเวลาดำเนินการถึงปีงบประมาณ 2559 เนื่องจากผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างฯ ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้เดิม โดยระยะเวลาในการดำเนินงานก่อสร้างตามสัญญากำหนดไว้ 900 วัน

 

ความล่าช้าและการเพิ่มงบประมาณ

 

การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ประสบกับความล่าช้าหลายครั้ง ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการขอเพิ่มงบประมาณเป็นระยะ

 

ในปี 2560 เมื่อโครงการดำเนินการไปได้ราว 39.59% คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าโครงการอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้รายงานปัญหาสำคัญว่า เมื่องานก่อสร้างอาคารรัฐสภาเสร็จ อาจจะไม่สามารถใช้อาคารได้ เนื่องจากตามสัญญาหลักเดิมได้ตัดปริมาณงานบางส่วนออกไป ได้แก่ งานระบบสาธารณูปโภค ระบบประกอบอาคาร ที่ผู้ออกแบบได้ออกแบบไว้แล้ว แต่ยังไม่รวมอยู่ในสัญญาหลัก (งานนอกงบประมาณ) และมีงานบางส่วนซึ่งมีความจำเป็นต้องทำเพิ่มเติมให้ครบถ้วน

 

คณะทำงานฯ จึงเสนอให้พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีกประมาณ 5,538,000,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้งบประมาณโครงการบานปลายจากวงเงินเดิมที่กำหนดไว้
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงมหาดไทยประสานติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด และกำกับให้การดำเนินการเสนอของบประมาณเพิ่มเติมของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำหนดให้การก่อสร้างอาคาร ตลอดจนระบบงานอื่น ๆ แล้วเสร็จภายในปี 2562

 

การขยายสัญญาและเพิ่มค่าใช้จ่ายช่วงสุดท้าย

 

แม้กระทั่งเมื่ออาคารก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จและเตรียมเปิดใช้งาน เมื่อปลายปี 2563 คณะรัฐมนตรียังมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ จากการขยายเวลาสัญญาก่อสร้างแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 อีกจำนวน 44,000,000 บาท

 

หากรวมงบประมาณก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบทั้งหมดที่ใช้ไปจริง มีการขอและได้รับงบประมาณรวมไม่ต่ำกว่า 22,987 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบประมาณที่อนุมัติไว้ในตอนแรกกว่า 7,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ของวงเงินที่อนุมัติในปี 2554

 

สส.ไอติมตั้งข้อสังเกตโครงการใหม่งบปี 69

 

นายพริษฐ์ ตั้งข้อสังเกตสำคัญไว้ 2 ประเด็น คือ

ประเด็นแรก โครงการส่วนใหญ่เน้นไปที่การก่อสร้าง เติมแต่ง ติดตั้งระบบในส่วนต่างๆ ของอาคารรัฐสภา ทั้งที่รัฐสภาเพิ่งถูกสร้างด้วยงบประมาณ 22,987 ล้านบาท และเพิ่งเปิดใช้การมาแค่ประมาณ 5 ปี

 

แม้อาจมีการให้เหตุผลว่าอาคารรัฐสภาถูกก่อสร้างตามสัญญาตั้งแต่กว่า 10 ปีก่อน จึงทำให้บางส่วนไม่ได้ระบุไว้ในแบบ แต่นายพริษฐ์เห็นว่าตรงนี้ยิ่งทำให้ต้องตรวจสอบโดยละเอียดว่าสิ่งที่ขอให้มีการเพิ่มเติมนั้นมีความจำเป็นต่อการใช้งานและการทำหน้าที่ของสภาฯ จริงๆ หรือไม่

 

ประเด็นที่สอง บางโครงการก็น่าตั้งคำถามถึงความจำเป็น เช่น การปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ จำนวน 118 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เป็นห้องที่ใช้งานได้ปกติมาโดยตลอด และยากที่จะเห็นถึงความจำเป็นใดๆ ในการปรับปรุงขนาดใหญ่ด้วยงบประมาณขนาดนี้ ที่ตลกร้ายคือห้องนี้เป็นห้องที่ กมธ.วิสามัญงบประมาณใช้ในทุกปี เพื่อไล่ตรวจสอบความคุ้มค่าของงบประมาณของทุกหน่วยงานในประเทศ

 

การออกแบบและตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาผู้แทนราษฎรในห้องประชุมสุริยัน จำนวน 133 ล้านบาท ซึ่งดูเป็นการตกแต่งที่ฟุ่มเฟือยและไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการทำให้การประชุมสภาฯ มีประสิทธิภาพขึ้น

 

"ไม่ว่าจะงบประมาณจะมีที่มาอย่างไร หรือถูกตั้งมาโดยใคร ณ เวลานี้ยังไม่สายเกินไปที่พวกเราผู้แทนราษฎรทุกฝ่ายจะร่วมกันทำการตรวจสอบและปรับลดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรพร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานตนเองเช่นกัน" นายพริษฐ์ กล่าว