KEY
POINTS
ในห้วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการตรากฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และกลั่นกรองบุคลากรในองค์กรอิสระ กลับตกอยู่ในข้อครหาและเงามืดของคำว่า “ซื้อเสียง-โพยฮั้ว-ขบวนการจัดตั้ง” หรือที่เรียกว่า "ฮั้วเลือก สว."
ตามรัฐธรรมนูญ สมาชิกวุฒิสภา มีภาระหน้าหน้าที่สำคัญ 3 ประการ
ประการแรก ทำหน้าที่พิจารณาและกลั่นกรองกฎหมาย พิจารณาและกลั่นกรองพระราชบัญญัติ อนุมัติพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ประการที่สอง ทำหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งกระทู้ถาม เปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาหรือที่ประชุมรัฐสภา การตั้งกรรมาธิการ
ประการที่สาม ทำหน้าที่ให้คำแนะนำ หรือให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น
แต่ในการเลือก สว.ในระดับอำเภอ-จังหวัด-ประเทศ ช่วงวันที่ 9-26 มิถุนายน 2567 กลับพบข้อสังเกตว่า การได้มาซึ่ง สว. มีปัญหามากมาย และ "พบผลคะแนนในการเลือกที่เกาะกลุ่มกันจนผิดปกติ และเชื่อมโยงกับอิทธิพลทางการเมืองในระดับจังหวัดอย่างชัดเจน"
แผนประทุษกรรมการฮั้ว สว.
ในการเลือกระดับประเทศ เฉพาะ 8 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สตูล เลย อำนาจเจริญ ยโสธร สุรินทร์ ผู้เข้ารอบในการเลือกไขว้ระดับประเทศ ได้มีการลงคะแนนเป็นแบบเดียวกันหมด เรียงหมายเลขเหมือนกัน ผู้สมัครที่ได้รับเลือกจากระบบนี้ ล้วนมาจากกลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวพันกับโพยและพรรคการเมือง
25 เม.ย. 2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำแผนประทุษกรรมการเลือก สว.ที่อิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นสถานที่คัดเลือก สว.ระดับประเทศ เพื่อจำลองเหตุการณ์การเลือก สว.ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567
การทำแผนประทุษกรรมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ดีเอสไอ ได้ประสานกับเมืองทองธานี เพื่อทำแผนที่จุดเกิดเหตุ รวมถึงจะใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์เก็บแผนที่ว่า มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างในวันเลือกตั้ง โดยใช้เครื่องมือพิเศษเลเซอร์สแกน ที่ดีเอสไอมีอยู่ จำลองเหตุการณ์และเก็บข้อมูล เพื่อนำไปประมวลเทียบเคียงกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่เก็บได้แล้วบางส่วน
ขณะเดียวกันยังมีตัวแทน สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว นายอัครวัฒน์ พงศิธนาชลิตกุล มาร่วมชี้จุดเพื่อจำลองเหตุการณ์ที่มีการทุจริตว่า สอดคล้องกับภาพวงจรปิดหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง เพื่อเก็บข้อมูลสถานที่เกิดเหตุ และวัตถุพยาน มีการนำกลุ่มพยานนำชี้พื้นที่เกิดเหตุต่างๆ เช่น จุดที่พบโพยลงคะแนน จุดที่มีการคุยหารือ จุดที่มีการนำเอกสารเข้าคูหาลงคะแนน บริเวณที่กลุ่มผู้ที่ใส่เสื้อสีเหลืองรวมกลุ่ม
10 ขั้นตอนยึดวุฒิสภา
หลังจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง ทางดีเอสไอ-สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้สรุปรายงานแผนประทุษกรรมการใช้เงินเพื่อจูงใจในการได้มาซึ่ง สว. ในการเลือกตั้ง สว. ปี 2567 ดังนี้....
1.ขั้นตอนการดำเนินงาน เริ่มจากผู้มีอำนาจที่ต้องการ ส.ว. ประมาณ 120-140 คน ได้สั่งการให้มีการจัดคนมาเพื่อลงรับสมัคร ส.ว.
2.มีการจ่ายค่าจ้างในการลงรับสมัคร ส.ว. ให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าสมัคร ค่าถ่ายรูป ค่าใบรับรองแพทย์ โดยจะมีการโอนเงินค่าใช้จ่ายจากส่วนกลางลงไปยังผู้สมัครที่ได้จัดตั้งไว้
3.การจัดตัวผู้สมัคร เริ่มจากการให้ผู้มีอำนาจในจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. ในพื้นที่ หรืออดีต ส.ส. ในพื้นที่ สั่งการให้ผู้ช่วย ส.ส. หรือคณะทำงาน ไปจัดหาผู้สมัครมาลงรับสมัคร สว. ในกลุ่มต่างๆ เมื่อได้จำนวนที่ต้องการแล้ว จะมีการโอนเงินค่าใช้จ่ายในรอบแรกมาจากส่วนกลาง เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในการลงรับสมัคร
4.จะมีค่าตอบแทนในการลงรับสมัคร สว. และจ่ายค่าตอบแทนให้เลือกตามโพย ประมาณคนละไม่เกิน 10,000 บาท มีทั้งการโอนเงินเข้าบัญชี และการให้เงินสด
5.เมื่อมีการผ่านเข้ารอบจังหวัดหรือระดับประเทศ จะมีการโอนเงินให้กับ “ว่าที่ สว. ตัวจริง” ในการไปจัดการให้ผู้สมัครที่เข้ามาเลือกบุคคลอื่นๆ ตามโพย หรือ ที่เรียกว่า Voter สำหรับในระดับจังหวัด จะได้รับค่าตอบแทนหลักหมื่น มีทั้งการโอนเงินเข้าบัญชีและจ่ายเงินสด
6.มีการจัดการแบบนี้เรื่อยไปจนถึงการเลือกระดับประเทศ ซึ่งจะมีค่าตอบแทนที่สูงขึ้น จากคนละ 50,000 บาท เป็นคนละ 1-2 แสนบาท โดยเป็นการจ่ายเงินทั้งแบบ “โอนเข้าบัญชีและจ่ายเงินสด”
7.เมื่อรับเลือกเข้ามา ผู้สมัครที่ลงคะแนนให้จะถูกจัดสรรให้มารับตำแหน่งในวุฒิสภา สำหรับตำแหน่งผู้ช่วย สว. ตามกฎหมายที่ได้รับค่าตอบแทนประมาณเดือนละ 15,000 บาทนั้น ในช่วงแรกจะมีการตอบแทนให้กับ Voter ในรอบแรก ที่เอาชื่อมาเป็นผู้ช่วย สว. แต่เมื่อทางราชการได้โอนเงินเดือนให้ บุคคลเหล่านี้จะโอนเงินเดือนคืนให้กับ “ผู้จัดตั้งการสมัคร สว.ทั้งหมด หรือ อย่างน้อย จำนวน 10,000 บาททุกเดือน
8.ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ลงรับสมัคร สว. ในหลายพื้นที่ โดยเป็นการโอนเงินมาจากคณะทำงานของ สส. หรือโอนมาจากผู้ช่วย สส. หรือโอนมาจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานของพรรคการเมือง หรือ มีการโอนมาจากข้าราชการในพื้นที่ ที่คอยช่วยเหลือในเรื่องการลงรับสมัคร
9.เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนกลับขึ้นไป จะพบได้ว่า “มีการโอนเงินเข้ามาจากบุคคล” ซึ่งมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง โดยจะพบเส้นทางการเงินของบุคคล ซึ่งรับผิดชอบการเลือก สว. คนละประมาณ 3-4 จังหวัด และพบว่า “เส้นทางการเงินเชื่อมถึงกับนักการเมือง ส.ส. ทั้งในอดีตและปัจจุบันของพรรคการเมืองสีน้ำเงินอย่างชัดเจน”
10.พื้นที่ในการจัดการเพื่อจัดหาผู้สมัคร สว. ผู้ลงคะแนนสว.ระดับจังหวัด ระดับประเทศ จำกัดวงอยู่ที่ จังหวัดอ่างทอง-อยุธยา-บึงกาฬ-บุรีรัมย์-สตูล สุราษฎ์ธานี โดยมี “อ่างทอง-บุรีรัมย์” เป็นจุดศูนย์กลาง
สุดท้ายในการเลือก สว.ระดับประเทศ “อ่างทอง-อยุธยา-บึงกาฬ-บุรีรัมย์-สตูล-สุราษฎ์ธานี” จึงมีสัดส่วนของ สว. ที่ได้รับการเลือกและรับรองมากร่วม 20% ของสว.ทั้งหมด 200 คน
คำสารภาพจากพยาน
แผนประทุษกรรมการใช้เงิน เพื่อให้ได้มาซึ่ง สว. สอดคล้องผลการสืบสวนของดีเอสไอ และ กกต.ที่พบว่า มีขบวนการในรูปแบบคณะบุคคล มีการจัดตั้งเครือข่ายขบวนการซึ่งปกปิดวิธีการ เพื่อให้ได้มาซึ่ง สว. ดังนี้
กลุ่มขบวนการ ได้จัดการให้มีผู้สมัคร สว. ในระดับอำเภอ โดยสมัครกลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ในระดับอำเภอ 928 อำเภอ จึงทำให้บางจังหวัดมีผู้สมัครจำนวนมาก
กลุ่มขบวนการ ได้จ่ายค่าตอบแทนในระดับอำเภอ จำนวน 5,000 บาท จ่ายในระดับจังหวัด จำนวน 10,000 บาท จ่ายในระดับประเทศ จำนวน 50,000-100,000 บาท ถ้าได้สมาชิกวุฒิสภา มากกว่า 120 คน จะได้เงินเพิ่มอีกคนละ 100,000 บาท
ผู้สมัคร สว.รายหนึ่งที่กลายเป็นเครื่องมือการโหวตเลือก สว.และได้รับการโอนเงินให้จากเครือข่ายกลุ่มขบวนการทางการเมือง ยอมให้การว่า “ตัวเองชื่อนายณัฐ สมัคร สว.กลุ่ม 17 สุราษฎ์ธานี ได้รับการเลือกระดับอำเภอ ไป ระดับจังหวัด ได้หมายเลข ....
ต่อมามีนาย สธ. เป็นผู้ช่วย สส. พ. ได้ติดต่อให้ช่วยลงคะแนนในรอบไขว้กัน ให้ “นาย ก.กลุ่ม 1 -นส.อ. กลุ่ม 6 -นาย ว.กลุ่ม 14 ที่เหลือจะเลือกใครก็ได้ โดยที่ นาย สธ.ซึ่ งเป็น ผู้ช่วย.สส. พ ได้โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 022 ….. 83 เวลา 19.40 น. วันที่ 15 มิถุนายน 2567”
เงินซื้ออำนาจรัฐ
ผลสรุปการเลือก สว. ที่ออกมาก็ไม่น่าประหลาดใจ ทั้ง “นาย ก. กลุ่ม 1-น.ส.อ.กลุ่ม 6 -นาย ว.กลุ่ม 14” เป็น สว.สุราฎร์ธานี ทั้ง 3 คน จากจำนวน 4 คน
กลุ่มขบวนการ ได้นัดหมายผู้สมัคร สว. ที่ผ่านการเลือกระดับจังหวัดมาเพื่อเลือกในระดับประเทศ ไปจัดทำโพยฮั้ว สว. กันใน 3-4 จังหวัด “นครราชสีมา-พระนครศรีอยุธยา-ปทุมธานี-นครนายก” ในวันที่ 24 มิ.ย. 2567 มีการจ่ายเงินสดเป็นมัดจำ คนละ 20,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 80,000 บาท ได้รับภายหลังจาก กกต.รับรองผลการเลือก สว.แล้ว
ผลการสืบสวนในการเลือกระดับประเทศพบว่า โพยฮั้ว สว. มีหมายเลข จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน และในการเลือก สว. ระดับประเทศ พบว่า ขบวนการจัดตั้งผู้สมัคร สว.ที่อยู่ในขบวนการมีจำนวนถึง 1,200 คน
ครั้นถึงวันที่ 26 มิ.ย. 2567 เวลา 05.00 น. ขบวนการได้แจกเสื้อสีเหลือง ให้กับผู้สมัคร สว. ระดับประเทศ และมีกลุ่มขบวนการอำนวยความสะดวก จัดหารถตู้โดยสารส่งผู้สมัคร สว. ระดับประเทศ เดินทางไปเมืองทองธานีเพื่อเลือก สว. ระดับประเทศ
โพยฮั้วสว. 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน จึงสำแดงเดช เมื่อผลการเลือก สว. ในรอบเช้าและรอบไขว้ เป็นไปตามโพยฮั้ว สว. ทุกประการ มีผู้ได้รับเลือกเป็น สว. จำนวน 138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน
แผนประทุษกรรมครั้งนี้ สะท้อนว่า การได้มาซึ่ง สว. ไม่ได้ยึดหลักธรรมาภิบาล หรือ ประชาธิปไตย แต่เกิดจากระบบ “เงินซื้ออำนาจ” ที่แฝงตัวอยู่ในโครงสร้างรัฐ
หากปรากฏว่าความจริงทั้งหมดถูกพิสูจน์ในชั้นศาล นี่จะกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่กระชากหน้ากากเครือข่ายอำนาจเถื่อน...