ฐานเศรษฐกิจ รวบรวมข้อมูลเพื่อเขียนเป็น "คู่มือฉบับเต็มสำหรับประชาชน" โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากประกาศกำหนด "การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี" ทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 ระหว่างเวลา 08.00 - 17.00 น.
ภายใต้แคมเปญ "สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง" เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองส่วนท้องถิ่น
ขอบเขตและจำนวนหน่วยเลือกตั้ง
การเลือกตั้งครั้งนี้จะจัดขึ้นใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) รวมทั้งสิ้น 2,469 แห่ง โดยแบ่งเป็น
- การเลือกตั้งทั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี จำนวน 2,121 แห่ง
- การเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 348 แห่ง (เนื่องจากมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเพราะเหตุอื่นที่นอกเหนือจากการครบวาระได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว)
ในงานแถลงข่าว Kick Off การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างพร้อมเพรียงกัน
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ประชาชนที่จะมีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- มีสัญชาติไทย หากเป็นผู้ที่แปลงสัญชาติจะต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง (เกิดก่อนวันที่ 12 พฤษภาคม 2550)
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งนั้นติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
- ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย เช่น:
- ไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
- ไม่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
- ไม่ต้องคุมขังโดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
- ไม่วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
การตรวจสอบสิทธิเลือกตั้ง
ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 โดยมีวิธีการดังนี้
- ตรวจสอบที่บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ปิดประกาศไว้ ณ สำนักงานเทศบาล หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง
- ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ https://stat.bora.dopa.go.th/Election/enqelectloc/#/
- ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน Smart Vote
- ตรวจสอบจากหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน (ส.ถ./ผ.ถ. 1/6) ที่จะส่งถึงบ้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
หากพบว่าไม่มีรายชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สามารถยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อได้ที่นายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน
บัตรเลือกตั้งและวิธีการลงคะแนน
เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย กกต. ได้แยกสีบัตรเลือกตั้งให้ชัดเจนและแตกต่างกันดังนี้
- บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล มีสีเขียว
- บัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรี มีสีเหลืองทอง
วิธีการลงคะแนนเลือกตั้ง
- ตรวจสอบรายชื่อ และลำดับที่จากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
- ยื่นหลักฐานแสดงตนให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ได้แก่:
- บัตรประจำตัวประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้)
- บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจำตัวประชาชน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ, ใบขับขี่, หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)
- หลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แอปพลิเคชัน ThaiID (บัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์), DLT QR LICENCE (ใบอนุญาตขับขี่อิเล็กทรอนิกส์), หรือบัตรคนพิการอิเล็กทรอนิกส์
- ลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
รับบัตรเลือกตั้ง
- กรณีมีการเลือกตั้งทั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี จะได้รับบัตร 2 ใบ
- กรณีมีการเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกสภาเทศบาล จะได้รับบัตร 1 ใบ
เข้าคูหาลงคะแนน ทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในช่องทำเครื่องหมาย
- บัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรี: เลือกผู้สมัครได้ 1 คน
- บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล: เลือกผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลได้ไม่เกิน 6 คน
- หากไม่ประสงค์จะเลือกผู้สมัครคนใด สามารถทำเครื่องหมายกากบาท (X) ในช่อง "ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด"
พับบัตรเลือกตั้งให้เรียบร้อย และนำไปหย่อนลงในหีบบัตรเลือกตั้งด้วยตนเอง
ข้อห้ามและบทลงโทษในการเลือกตั้ง
กกต. ได้กำหนดข้อห้ามที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งควรทราบ พร้อมบทลงโทษที่รุนแรงหากฝ่าฝืน ดังนี้
ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกไปจากที่เลือกตั้ง
- โทษ: จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว
- โทษ: จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
ห้ามใช้เครื่องมืออุปกรณ์ในการถ่ายภาพบัตรเลือกตั้ง
- โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามนำบัตรเลือกตั้งปลอมหรือบัตรที่มิได้ทำโดยชอบด้วยกฎหมายมาใช้
- โทษ: จำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ห้ามแสดงบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้ผู้อื่นดูว่าลงคะแนนให้ผู้ใด
- โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามเรียก รับ หรือยอมรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนน
- โทษ: จำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ห้ามใช้บัตรอื่นที่มิใช่บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
- โทษ: จำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ช่องทางติดตามข้อมูลข่าวสาร
ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีได้จากช่องทางต่อไปนี้
- เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th
- Facebook: "สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง" ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวและกิจกรรมต่างๆ
- แอปพลิเคชัน Smart Vote
- สายด่วน กกต. 1444
- สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด
การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญของประชาชนในการมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกท่านออกมาใช้สิทธิอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อร่วมกัน "สร้างสรรค์ประเทศไทย" ผ่านการเลือกผู้แทนที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปบริหารและพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้าต่อไป