ชงสภาฯตั้งกมธ.ศึกษา จัดตั้ง "จังหวัดสว่างแดนดิน" และ "จังหวัดทุ่งสง" 

16 ก.ค. 2567 | 23:36 น.

สส.จำนวน 22 คน จากพรรคพลังประชารัฐ เสนอญัตติให้ สภาฯพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้ง "จังหวัดสว่างแดนดิน" และ "จังหวัดทุ่งสง" ระบุเพื่อกระจายความเจริญ เพราะ 2 อำเภอนี้ห่างไกล-เดินทางลำบาก 

เว็บไซต์รัฐสภา ได้เผยแพร่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2567  ซึ่งพบว่าหนึ่งในวาระคือเรื่องที่เสนอใหม่ที่ 6.2 ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง 

ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง 

ซึ่งมี สส.จากพรรคพลังประชารัฐ 2 รายเป็นผู้เสนอญัตติ และมีสส.จำนวน 20 คน เป็นผู้รับรองญัตติดังกล่าว โดยเป็นญัตติที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับญัตติเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2567 เพื่อจัดคิวให้นำเสนอที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

โดยรายละเอียดของญัตติ ระบุว่า ด้วยอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เป็นอำเภอที่ จัดตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2406 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตั้งเมืองภูมิดลสว่าง
เมืองสว่างแดนดิน เป็นมืองที่ขึ้นกับมืองสกลนคร ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนมาเป็นอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร

โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากมาย เช่น พระบรมธาตุเจดีย์ศรีมงคล หลวงปู่คำบ่อ และปราสาทขอม บ้านพันนา เป็นต้น 

รายชื่อ สส. ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง 

นอกจากนี้ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นอำเภอที่มีความเจริญเป็นอันดับสอง ของจังหวัดนครศรีธรรมราช รองจากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ตรงกลางของภาคใต้และเป็นจุดศูนย์กลางคมนาคมทางบกทั้งรถยนต์และรถไฟ อำเภอทุ่งสงมีประวัติความเป็นมายาวนาน 

ปรากฎตามตำนานเมืองนครศรีธรรมราชว่าเคยเป็นแขวง ขึ้นอยู่ในปกครองของเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกต เมื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากมณฑล เป็นจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2440 ได้จัดตั้ง เป็นอำเภอทุ่งสงขึ้นกับจังหวัดนครศรีธรรมราช 

แต่ปัจจุบันพบว่าทั้งอำเภอสว่างแดนดินและอำเภอทุ่งสง มีปัญหาภูมิประเทศในเรื่องระยะทาง ทำให้การติดต่อระหว่างอำเภอที่ห่างไกลและจังหวัดเป็นไปด้วยความยากลำบาก และใช้ระยะเวลาในการเดินทางมากเกินควร 

ซึ่งมีความสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2524 ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตั้งจังหวัดใหม่ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ที่ต้องพิจารณาลักษณะพิเศษของจังหวัด ผลดีในการให้บริการประชาชน และหลักเกณฑ์อื่น ๆ 
เช่น เหตุผลทางประวัติศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของท้องถิ่นและนโยบายของรัฐบาล เป็นตัน 

ดังนั้นสมควรแยกอำเภอสว่างแดนดินออกจากจังหวัดสกลนครและแยกอำเภอทุ่งสงออกจากจังหวัดนครศรีธรรมราช และจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง เพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบการปกครอง การรักษาความมั่นคงและการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
ในพื้นที่ 

อีกทั้งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ โดยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า การลงทุน การอุตสาหกรรม การคมนาคม การศึกษา เทคโนโลยีรวมถึงอื่น ๆ ได้อย่างยั่งยืนต่อไป 

“ตังนั้น จึงขอเสนอญัตติตังกล่าวมาเพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2562 ข้อ 49 ส่วนเหตุผลและรายละเอียดจะได้ชี้แจงในที่ประชุมสภาฯ ต่อไป”

 

เปิดรายชื่อ 22 สส. เสนอตั้งกมธ.ศึกษาจัดตั้งจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง

นายชัยมงคล ไขยรบ สส.สกลนคร และนายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้เสนอ โดยมี สส.จำนวน 20 รายลงชื่อเป็นผู้รับรองญัตติ ดังนี้ 

  1. นายวรโชติ สุคนธ์ขจร (สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ) 
  2. นายปกรณ์ จีนาคำ (สส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชารัฐ)
  3. นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ (สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ)
  4. นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ (สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ)
  5. นางขวัญเรือน เทียนทอง (สส.สระแก้ว พรรคพลังประชารัฐ)
  6. นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ (สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ)
  7. นางสาวกาญจนา จังหวะ (สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ)
  8. นางรัชนี พลซื่อ (สส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชารัฐ)
  9. นายอนันต์ ผลอำนวย (สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ)
  10. นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ (สส.หนองคาย พรรคพลังประชารัฐ)
  11. นายจีรเตช ศรีวิราช (สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ)
  12. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข (สส.ตาก พรรคพลังประชารัฐ)
  13. นายอัคร ทองใจสด (สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ)
  14. นายจักรัตน์ พั้วช่วย (สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ)
  15. นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ (สส.พังงา พรรคพลังประชารัฐ)
  16. นายจำลอง ภูนวนทา (สส.กาฬสินธุ์ พรรคพลังประชารัฐ)
  17. นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ (สส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ)
  18. นายคอซีย์ มามุ (สส.ปัตตานี พรรคพลังประชารัฐ)
  19. นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ (สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ)
  20. นายองอาจ วงษ์ประยูร (สส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ)

ที่มาข้อมูล : รัฐสภา