"โรม"เหน็บ เศรษฐา ตั้ง"พิชิต"เป็นรมต. ถูกวางยาหรือไม่

23 พ.ค. 2567 | 05:31 น.

"ก้าวไกล"ตั้งข้อสังเกต นายกฯตั้ง "พิชิต"เป็นรมต.ถูกวางยาหรือไม่ แนะพิจารณาจากความสามารถ ไม่ใช่ตอบแทนบุญคุณ ชี้ส่งผลกระทบต่อการใช้อำนาจนายกฯและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล

วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมวินิจฉัยจะรับหรือไม่รับคำร้องของ 40 สว. เกี่ยวกับคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้การจะตั้งคนเป็นรัฐมนตรีมีลักษณะคุณสมบัติอยู่ ซึ่งเมื่อตั้งไปแล้วต้องมีการพิจารณาว่าคุณสมบัติมีอะไร หากเป็นคุณสมบัติที่ไม่ได้ชัดแจ้ง เรื่องนี้ก็อาจจะมีการถกเถียงกันได้ แต่ต้องยอมรับอีกว่าเรื่องนี้สังคมก็รับรู้ว่านายพิชิตมีเรื่องของถุงขนม 2 ล้านบาท มีการถูกเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ และอาจจะถูกคำพิพากษาจำคุก 6 เดือนด้วยซ้ำ ดังนั้น ในเรื่องของจริยธรรมต่างๆ มีปัญหาแน่นอน

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งนายพิชิตก็มีปัญหาแน่นอนว่าสุดท้ายการตั้งก็อาจจะกระทบต่อการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี และมากไปกว่านั้นคือหากพิจารณาต่อไปเราจะพบว่าการปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเท่าที่ผมได้ฟังข้อเท็จจริง ก็ชัดว่ามีการถามในลักษณะที่ไม่ครบถ้วน และทางคณะกฤษฎีกาก็ให้ข่าวเองว่าถามแค่ไหน ตอบแค่นั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีย่อมจะต้องถูกตรวจสอบได้ และเมื่อถูกตรวจสอบได้ก็จะเกิดประเด็นว่าการตรวจสอบนั้นอาจทำให้นายกรัฐมนตรีมีปัญหา ถึงขนาดที่ว่าสามารถพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีได้โดยศาลรัฐธรรมนูญ

ปัญหาเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น และตนไม่แน่ใจว่าทีมกฎหมายที่ให้คำปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้คำปรึกษากันอย่างไร ทำไมจึงตั้งนายพิชิตเช่นนี้ และต่อให้ไม่มีการไปยื่น ตนก็เชื่อว่ากรณีคุณสมบัติหรือสิ่งที่นายพิชิตเคยทำจะถูกตรวจสอบในสภาฯโดยฝ่ายค้านแน่นอน ว่า การตั้งบุคคลในลักษณะเช่นนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่รัฐบาลชุดที่แล้วก็มีการตั้งรัฐมนตรีที่อาจจะมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมต่างๆขึ้นมา

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

"ผมแปลกใจที่คนของเพื่อไทยมีหลายคน แต่ทำไม จึงเลือกที่จะตั้งนายพิชิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ผมคิดต่อว่ามีการวางยากันหรือไม่ คงเป็นปัญหาภายในของรัฐบาลที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีเสถียรภาพและสิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือหลังจากที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีลาออกถึงสามคน และผมคิดว่าเรื่องนี้กระทบต่อทุกภาคส่วนที่สูญเสียความเชื่อมั่น เนื่องจากรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ" นายรังสิมันต์ กล่าว
 

เมื่อถามว่ามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการพยายามฟอกขาว ก่อนจะมีการตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าคงไม่เป็นการฟอกขาว และหากดูจากปฏิกิริยาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ไม่คิดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะทำตามสั่งซ้ายหันขวาหันของรัฐบาล แต่อาจจะมีกระบวนการบางอย่างที่อาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีหลงเชื่อหรือไม่ เพื่อที่จะสามารถทำให้ตั้งนายพิชิตได้

โดยที่คำถามต่างๆ อาจจะถามไม่ครบ และคิดว่านายเศรษฐาซึ่งเป็นผู้ที่อาจจะมีประสบการณ์ทางการเมืองไม่มากนัก อาจจะไม่เท่าทันหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องดูกันต่อไป วันนี้รัฐบาลควรเป็นตัวอย่างคือการตั้งคนที่มีคุณสมบัติ มีความสามารถ แต่ประเภทที่ตอบแทนการในเรื่องของบุญคุณกันมา เปลี่ยนผลัดกันไปทุก 6-7 เดือน ผมคิดว่าไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนนายเศรษฐาจะเป็นคนที่รู้จริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง