นายกฯแบไต๋ ปรับ ครม. เมื่อถึงเวลาเหมาะ ขออย่ามาขู่ “จะเอาอะไรพูดตรงๆ ดีกว่า”

08 เม.ย. 2567 | 12:14 น.

“นายกฯ เศรษฐา”ยอมรับเป็นครั้งแรก “ปรับ ครม.” เมื่อถึงเวลาเหมาะสม ส่งสัญญาณถึงพรรคร่วมรัฐบาลอย่ามาขู่ “จะเอาอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 8 เม.ย. 2567 ถึงความชัดเจนเรื่องการ "ปรับ ครม." ซึ่งเวลานี้พรรคร่วมรัฐบาลเงี่ยหูฟังความชัดเจน หรือ จะปิดประตูถึงกระแสข่าวนี้เลย ว่า เรื่องการปรับ ครม. สื่อสามารถถามตนได้ ซึ่งเปิดตัวอยู่ตลอดในเรื่องนี้ ไม่มีใครต้องมาเงี่ยหูฟัง 

“เมื่อสักครู่ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ รมว.อุตสาหกรรม ก็ไม่ได้มีการพูดจาอะไรในเรื่องนี้ ...ไม่ต้องเงี่ยอะไรหรอก ถามผมโดยตรงได้เลย”

เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคเพื่อไทย จะมีการเพิ่มเติมเข้ามา นายกฯ กล่าวว่า “ก็มีอีกตำแหน่ง ตรงนั้นก็เดี๋ยวไปว่ากันเมื่อถึงเวลา”

เมื่อซักว่าพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อคนในโควตารัฐมนตรีหรือยัง นายกฯ ตอบว่า “ยังเลยครับ ยังไม่เจอยังไม่ได้พูดคุย แต่พรุ่งนี้ก็มีการประชุมครม.ตามปกติ ถ้าเกิดเจอ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ผมก็จะไม่ถาม แต่ถ้าท่าบอกมาผมก็รับทราบ อย่างที่บอกเป็นโควตาของท่าน ท่านจะเสนอใคร ก็เสนอเข้ามาแล้วผ่านไปที่คณะกรรมการตรวจสอบ”

เมื่อถามว่าจะมีการส่งสัญญาณไปที่พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สัญญาณที่ตนส่งมาโดยตลอด และให้ความสำคัญคือทุกปัญหาของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น ทุกท่านทราบอยู่แล้ว เพราะมีวุฒิภาวะที่สูง ทราบความต้องการของพี่น้องประชาชนคืออะไร เดี๋ยวก็จะไปดูเรื่องยางพารา 

เมื่อถามว่าโควตารัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้พูดคุยกันบ้างหรือยัง นายเศรษฐา ตอบว่า “ในพรรคคงพูดคุยกัน เดี๋ยวคงเสนอขึ้นมา”
เมื่อถามว่าหากมีการปรับ ครม.จริง จะเป็นการปรับเล็กหรือปรับใหญ่ เนื่องจากจะมีแรงกระเพื่อม นายกฯ ถามว่า "ปรับเล็กเล็กคืออะไร 3 ตำแหน่ง หรือ 6 ตำแหน่ง บางคนบอก 6 ตำแหน่งยังเล็กอยู่ อย่าไปพูดว่าปรับเล็ก หรือ ใหญ่เลย เอาไว้ถึงเวลาเหมาะสมเกิดขึ้นเอง"

เมื่อถามว่าการตัดสินใจปรับ ครม.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ คนเดียว ตรงนี้จำเป็นต้องปรึกษาใครหรือไม่ หรือต้องให้เกียรติพรรคร่วมอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า การทำงานของตนตั้งแต่เป็นนักธุรกิจมา จนเข้าสู่เวทีการเมือง ให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรต้องมีการพูดคุยอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่แน่นอนตนเป็นคนจรดปากกาเซ็น    

เมื่อถามว่ามีคนมองนายกฯ ทำงานเด็ดขาดจริงจัง อย่าเอาอะไรมาขู่ ไม่เช่นนั้นจะโดนเชือดคอได้ นายกฯ ยิ้มก่อนจะตอบว่า “ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนจากทุกพรรคการเมืองที่ร่วมกัน เขารู้อยู่แล้วว่าการทำงานร่วมกันไม่มีการขู่ เราพูดคุยกันดีอยู่แล้ว และผมก็เข้าถึงง่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะช่องทางไหน มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ไม่ได้มีอะไรเลย 

เมื่อวานนี้ ผมก็ต่อสายตรงถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เรื่องอื่นก็ต่อสายตรงถึงกันตลอด ท่านเองไม่เคยขู่ผม ผมก็ไม่เคยขู่ท่าน ผมว่าเป็นวิธีเดิมๆ โบราณๆ จะเอาอะไรพูดกันตรงๆ ดีกว่า ปรับปรุงแก้ไขกันไประหว่างทาง แบบนี้ผมเชื่อว่า ถ้าเป็นวิธีนี้ผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับพี่น้องประชาชน

ผมมาวันนี้ ทุกพรรคก็มา เพื่อไทยไม่ได้มีส.ส.ที่นี่ ก็เป็นปมทางใจนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไร ก็พูดคุยกัน กับ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ก็พูดคุยกันดี และเจอคุณแม่ท่าน ส.ส.ภูมิใจไทยก็มา 2 คน ส.ส.พลังประชารัฐก็มาจาก จ.ตรัง ก็ไม่ได้แยกพรรค แยกสีอะไร”

นายกฯ กล่าวด้วยว่า “วันนี้เราเป็นรัฐบาลแล้ว ทุกท่านทราบดีปัญหาของประชาชนเยอะเหลือเกิน งบประมาณก็เพิ่งผ่าน ตอนนี้ก็ต้องมานั่งคุยกัน วันนี้ ส.ส.ตรัง ก็เอาโครงการมาเสนอ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม จะไปพิจารณาดูต่อ ตรงนี้เราให้ความสำคัญสูงสุดอยู่แล้ว”