แถลงการณ์ "SPACEBAR” หลังช่างภาพ โดนจับข้อหาสนับสนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว

14 ก.พ. 2567 | 08:36 น.

SPACEBAR ออกแถลงการณ์  สั่งพักงาน “ช่างภาพ” ที่ไปทำข่าวกิจกรรมพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว โดยไม่ได้รับมอบหมาย ยืนยันหลักการ อย่าเอาสื่อไปรับใช้ จุดยืนทางการเมืองส่วนตัว

วันที่ 14 ก.พ. 67 บริษัท เดอะ สเปซบาร์ จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวโทษดำเนินคดี นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์  ช่างภาพประจำกองบรรณาธิการ SPACEBAR ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ ได้จับกุมตัวเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 และนำตัวขอฝากขังต่อศาล ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 โดยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างต่อสู้คดี

บริษัท เดอะ สเปซบาร์ จำกัด ขอชี้แจงว่า 

1. บริษัทฯ ให้นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว มีกำหนดเวลา 5 วัน  เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 – 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีที่นายณัฐพลถูกตั้งข้อหาที่นำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้

แถลงการณ์ \"SPACEBAR” หลังช่างภาพ โดนจับข้อหาสนับสนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว

2. สำหรับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การจับกุมนายณัฐพล คือ การพ่นสีสเปรย์ข้อความบนกำแพงวัดพระแก้ว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2566 ในครั้งนั้น บริษัทฯ ได้ตรวจสอบตามสายงานบังคับบัญชา ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้มีการมอบหมายงานให้นายณัฐพล หรือช่างภาพคนใด ไปถ่ายภาพเหตุการณ์ดังกล่าวและนายณัฐพลยอมรับว่าไปถ่ายภาพเหตุการณ์นั้นเอง

บริษัทฯ ได้ตักเตือนนายณัฐพลว่า อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะวัดพระแก้วเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนับถือ สักการะ การใช้วัดพระแก้วเป็นพื้นที่แสดงออกทางการเมือง เป็นกลยุทธ์ในการสร้างความสนใจ แต่เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายจิตใจของคนไทย ไม่ควรสนับสนุน เผยแพร่พฤติกรรมเช่นนี้ 

แถลงการณ์ \"SPACEBAR” หลังช่างภาพ โดนจับข้อหาสนับสนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว

3. บริษัทฯ ยืนยันว่า ในฐานะสื่อ เราเป็นกลางในทางการเมือง ให้พื้นที่กับกลุ่มกิจกรรม พรรคการเมืองทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน เราสนับสนุนการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่สนับสนุนอุดมการณ์ทางการเมืองใด ๆ ที่สร้างความแตกแยกในสังคม และไม่อ้างสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน มาปกป้อง ปกปิดการกระทำที่มีวาระแอบแฝงทางการเมือง
ด้วยความเคารพ เชื่อมั่น ในวิชาชีพ


 

 

ภายหลังได้รับการปล่อยชั่วคราวเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 67 นายณัฐพล ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ได้เจอน้องผู้ที่ก่อเหตุในการทำกิจกรรมยืน หยุด ขังที่หน้าศาลฎีกา จำไม่ได้ว่าก่อนที่จะมีเหตุพ่นสีหรือไม่ ก็มีการพูดคุยกัน คิดว่าการคุยกับแหล่งข่าวเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าห้ามคุยกัน เป็นการหาข่าว ไม่ได้เป็นหลักฐานว่าเป็นพวกเดียวกัน รู้ก่อนจะมีการทำกิจกรรมพ่นสี 10 นาทีมั่นใจว่าไปรายงานสถานการณ์และไปสังเกตุการณ์ไม่ได้เข้าไปขัดขวางกระบวนของเจ้าหน้าที่ ถ่ายภาพอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้มีการนัดแนะกัน ก็ต้องดูว่าทางตำรวจมีพยานหลักฐานผมนัดแนะกับผู้ก่อเหตุจริงหรือไม่ แต่คิดว่าคงไม่มี 

ส่วนที่ตำรวจบอกว่ามีกล้องวงจรปิด นายณัฐพล กล่าวว่า เราไปถึงสถานที่ก่อน 10 นาที มีการพูดคุยกันก่อนก่อเหตุกล่าวว่ามีการคุยกันจริง แต่ไม่ใช่วันที่เกิดเหตุ น่าจะเป็นวันที่ไปถ่ายกิจกรรมหยุดขัง ส่วนที่ทราบการจัดกิจกรรมพ่นสีนั้นก็ทราบมาจาก นายณัฐพล(ผู้สื่อข่าวประชาไท)

“ที่ผ่านมาวางตัวชัดเจนว่า เรามาทำงาน วางตัวระดับหนึ่งแล้ว ก็น่าจะชัดเจนแล้วว่า เรามาทำงานจริงๆ มั่นใจว่าเรามีเส้นแบ่งชัดเจน แต่คนที่มองเข้ามาอาจจะคิดไม่ตรงกับเราหรือเปล่า ก็ไม่อาจทราบได้ 

เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นายณัฐพล กล่าวว่า ในใจลึกๆ ก็คิดว่ามีส่วน เนื่องจากคดีที่โดนไม่น่าจะเกี่ยวกับตนเลย ไม่เคยคิดว่าจะโดนคดีเอง เพราะทุกทีเป็นคนทำข่าว

เมื่อถามว่า ตอนจับกุมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่นายณัฐพล ช่างภาพอิสระ กล่าวว่า รู้สึกดีที่มีพ.ร.บ.อุ้มหาย เพราะตอนจับกุมเจ้าหน้าที่ย้ำเสมอว่า บันทึกภาพวิดีโอ และบอกว่าสามารถแจ้งทนายความได้