"พิชัย นริพทะพันธุ์" ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 1 ใน 4 ราย ตามตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" จะพาไปทำความรู้จักกับ พิชัย นริพทะพันธุ์ ให้มากยิ่งขึ้น
สมรสกับนางธัญยธรณ์ นริพทะพันธุ์ เป็นทันตแพทย์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน ได้แก่
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอัญมณีและการส่งออก เจ้าของบริษัท เจมส์ควอลิตี้ จิวเวอร์รี่ จำกัด ต่อมาได้เข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และเป็นผู้สนับสนุนการเงินให้กับกลุ่มขอนแก่น พรรคเพื่อแผ่นดิน ของนายสุวิทย์ คุณกิตติ ต่อมาจึงได้หันมาสนับสนุนพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยแทน
ในปี พ.ศ. 2551 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช แทนร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
โดยถูกจัดลำดับในบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. เป็นลำดับที่ 124 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง นายพิชัยได้เป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย โดยได้ทำการดีเบตระหว่างโครงการรับจำนาข้าวตันละ 15,000บาท กับโครงการรับประกันราคาช้าวกับนายวรงค์ เดชกิจวิกลม ผ่านรายการ"เจาะข่าวเด่น"ว่าการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพื่อไทยนั้นอาจจะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกสูงและเป็นไปได้ว่าจะขึ้นมากกว่าราคาจำนำ ด้วยวิธีการเข้าไปควบคุมการตลาด ช่วงหนึ่งของการดีเบตนายพิชัยได้กล่าวไว้ว่า
หลักการของเพื่อไทยคือความเป็นไปได้ที่จะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น และเสนอให้ใช้ระบบไอทีในการควบคุมการจำนำข้าว เพื่อป้องกันการทุจริต โดยใช้เครดิตการ์ดเกษตรกรเป็นสมาร์ทการ์ด แต่การดำเนินการดังกล่าวต้องแจกบัตรเครดิตเกษตรให้กับชาวนาหลายล้านคน ซึ่งต้องใช้เวลา
ในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปลายปี พ.ศ. 2554 ระหว่างดำรงตำแหน่งได้ดำเนินการวางนโยบายและแผนพลังงานให้กับประเทศในทุกด้าน และในช่วงน้ำท่วมใหญ่ในปลายปี 2554 ได้ให้รัฐบาลใช้กระทรวงพลังงานที่ตั้งบนตึกเอนโก้เป็นศูนย์ป้องกันและช่วยเหลือน้ำท่วมหลังจากที่ที่ตั้งเดิมในสนามบินดอนเมืองถูกน้ำท่วมจนกระทั่งน้ำลด
ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลได้ร่วมกันตั้งฉายาให้นายพิชัยว่า "ไอเดียกระฉอก" เพราะตัวนายพิชัยเองมักจะมีไอเดียใหม่ๆ มานำเสนอต่อสังคมเสมอ แต่ไอเดียเหล่านั้นมักจะไม่ค่อยได้รับการตอบสนองหรือไม่ก็ไม่ค่อยจะเป็นไปตามที่นายพิชัยคาดการณ์ในขณะนั้น ต่อมานายพิชัย ถูกปรับออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ต่อมาได้ทำหน้าที่เป็นคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักษาชาติ ลำดับที่ 9 แต่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก่อนวันเลือกตั้ง
ในปี 2563 ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย