เปิดประวัติ "หมอชัย วัชรงค์" ว่าที่โฆษกรัฐบาล

วันนี้ (8 ก.ย.66)  นายสัตวแพทย์ ชัย วัชรงค์ คณะทำงานด้านนโยบายการเกษตร พรรคเพื่อไทย ยอมรับถึงกระแสข่าวที่จะนั่งเป็นโฆษกรัฐบาล ว่า ตนตอบรับด้วยวาจาแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในเรื่องของการแต่งตั้ง

เมื่อถามว่ามีความพร้อมในการเป็นโฆษกรัฐบาลหรือไม่ นายสัตวแพทย์ ชัย ตอบว่า "พร้อมครับ" และได้หารือกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังแล้ว เมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) 

เมื่อถามว่าการที่จะได้ทำงานกับสื่อมวลชนรู้สึกอย่างไร นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวว่า "ต้องขออนุญาตให้น้องๆ แนะนำเด็กใหม่"

ทั้งนี้มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า นายเศรษฐา  ได้เลือกนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ สมาชิกพรรคที่มีส่วนร่วมในการร่างนโยบายด้านการเกษตร เข้ามาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล เนื่องจากเป็นคนมีภาพลักษณ์ดีมีความรู้ทางเศรษฐกิจ ไม่เป็นฝ่ายการเมืองที่ออกมาตอบโต้ประเด็นการเมืองมากจนเกินไป

สำหรับ นายสัตวแพทย์ ชัย วัชรงค์ เป็นนักวิชาการด้านการเกษตรสมัยใหม่ คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและการเกษตร พรรคเพื่อไทย เป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 91 

นายสัตวแพทย์ ชัย วัชรงค์ เคยศึกษา Veterinary medicine ที่ Chulalongkorn University

เคยศึกษาที่ Triam Udom School

เคยทำงานในตำแหน่ง Managing Director ที่  บริษัท แนคโคห์แลน จำกัด (Knack Kohlan) ซึ่งเป็นธุรกิจร้านขายปลีกสัตว์เลี้ยง อาหารสัตว์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง  

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ ยังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท แนคเนเจอร์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการค้าเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตรทุกชนิดทุกประเภท รวมทั้งอุปกรณ์ทางการเกษตร 

โดยบริษัท แนคเนเจอร์ จำกัด เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ “ยาสีฟันแนคเนเจอร์” ยาสีฟันสมุนไพร

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ ยังเป็น นายกสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาไก่พื้นเมืองไทย ด้วย

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2565 พรรคเพื่อไทย โดย  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยและ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย ได้เปิดตัว นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการด้านการเกษตรสมัยใหม่ และคณะ เข้าเป็นสมาชิกพรรค 

นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการเกษตรเป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่าจะมีนโยบายอีกหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรคนไทยทุกคน

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องเกาให้ถูกที่คัน การทำนโยบายจึงต้องระดมสมองเพื่อทำให้เกิดนโยบายและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในอนาคต

ขณะที่ นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวว่า เหตุที่สนใจก้าวเข้ามาทำงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมี DNA บางอย่างที่ตรงกับใจตนมาก ๆ ตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว และมีสไตล์ในการทำการเมืองที่เน้นการจัดการบริหารที่มีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยี คิดแบบก้าวหน้า 

และไม่ว่าจะพูดแนวทางทางวิชาการอะไรก็ตาม พรรคนี้จะทำได้ สามารถประยุกต์องค์ความรู้ทางวิชาการมาสู่ภาคปฏิบัติ และส่งมอบผลงานให้กับประชาชนสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังให้ความสำคัญกับมรดกความวัฒนธรรมด้วย 

“ในมุมที่ผมสนใจการทำงานพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานด้วยความจริงใจกับเกษตรกรมากที่สุด เอาจริงเอาจังในการพัฒนาภาคการเกษตร ด้วยแนวนโยบายเช่นนี้ จึงถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรค 

สำหรับผมแล้วถ้าภาคเกษตรของไทยยังพัฒนาไม่ได้ และถูกปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ประเทศไทยไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากกับดักของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และไม่สามารถพัฒนาการเกษตรให้ก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป้าหมายของผมคือทำอย่างไรที่จะยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น

เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงต้องผ่าตัดด้านการเกษตรครั้งใหญ่ จัดการกระบวนทัศน์ต้องเปลี่ยนใหม่ จะทำอย่างไรให้ภาคเกษตรที่ล้าหลังของไทยให้เป็นเกษตรก้าวหน้า” นายสัตวแพทย์ชัย ระบุ