จับตา “พรรคอนาคตไกล” ตัวเลือกทางการเมืองให้กับคนรุ่นใหม่

27 ส.ค. 2566 | 10:25 น.

“สามารถ” ย้ำ “พรรคอนาคตไกล” น่าจะมาช่วยแบ่งปันสัดส่วนคนรุ่นใหม่ได้ หลัง ค.ร.ม เศรษฐา 1 ไม่มี รมต อายุน้อยกว่า 40 ปี เลย ไม่มีแล้วสีเสื้อ มีแต่สงครามระหว่างวัย

วันนี้ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช  อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

ผมเห็นมีการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ชื่อ พรรคอนาคตไกล หลายคนก็พุ่งเป้าไปที่ พรรคก้าวไกล  แอบย่องมาจดพรรคใหม่ไว้ เพื่อรองรับการที่จะโดนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคหรือไม่ ในการใช้การแก้มาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียงการเลือกตั้งที่ผ่านมา...

ส่วนตัวผมมองว่า พรรคอนาคตไกล  น่าจะเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศได้  มาช่วยแบ่งสัดส่วนการเลือกตั้งที่เป็นช่วงวัยตั้งแต่อายุ 40 ลงมาจนถึงอายุ18 ปี  ที่เป็นช่วงวัยที่จะมีความต้องการทางการเมือง กับการบริหารประเทศที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อน  ซึ่งวันนี้เองเราทุกคนคงจะเห็นโผ ค.ร.ม.เศรษฐา 1  ผมดูรายชื่อแล้ว ไม่มีใครที่อายุน้อยกว่า 40 ปีเลย ที่ได้มาเป็นรัฐมนตรี...

ซึ่งพอเราไปมอง ส.ส.พรรคก้าวไกล เฉลี่ยมีแต่คนอายุไม่เกิน 35 ปี  อันนี้คือปัญหาอย่างแท้จริง...

สมัยก่อน ตอนผมเป็นเด็กได้มีโอกาสได้คุยกับนักการเมืองท่านนึง ท่านเคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง  อดีตประธานสภา เป็นอดีตหัวหน้าพรรค ได้พูดให้ผมฟังว่า  สภาเป็นที่เอาเรื่องปัญหาชาวบ้านมาพูดในสภา  เราสามารถมองปัญหาชาวบ้านผ่านพูดแทนเหล่านั้นได้เช่น 

ถ้าจังหวัดไหนได้ผู้แทนชอบชกต่อยเป็นนักเลง แปลว่า จังหวัดนั้นนักเลงเยอะ  ให้กระทรวงมหาดไทยลงไปดู  ถ้าจังหวัดไหนแจกปลาทูเข้ามา ก็ให้กระทรวงเกี่ยวกับเศรษฐกิจลงไปดู  เพราะว่าชาวบ้านยากจนลำบาก  ถ้าผู้แทนจังหวัดไหนดูโง่ พูดไม่ฉลาดก็ให้ส่งกระทรวงศึกษาธิการลงไปดู  ดังนั้นก็จะสะท้อนให้เห็นว่า ถ้าคบคนแบบไหน ก็เป็นคนแบบนั้น เพราะผึ้งก็ไม่เคยชวนแมลงวันไปตอมดอกไม้ แมลงวันก็ไม่เคยไปกินน้ำหวานในดอกไม้กับผึ้ง

ถ้าคุณอยู่กับ “คนใจกว้าง” คุณจะมี “สังคมที่กว้างมากยิ่งขึ้น”

ถ้าคุณอยู่กับ “นักปราชญ์” คุณจะมี “ความรู้มากยิ่งขึ้น” เป็นต้น

ดังนั้นจากการที่เรามองย้อนผ่าน ค.ร.ม.เศรษฐา 1 เราไม่เห็นคนในวัย40 ลงมาได้มีโอกาสมาบริหารประเทศ

ประชาชนในวัย 40 ลงมาจึงได้มาเลือกพรรคก้าวไกล เราจะเห็นได้ว่า ส.ส.151 คนของพรรคก้าวไกล มากกว่าร้อยละ 80 พ่อแม่ไม่ได้เป็นนักการเมือง  ไม่ใช่นักการเมืองท้องถิ่น  ไม่ใช่นักเลง  ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่  ซึ่งแตกต่างกับพรรคการเมืองอื่นในรัฐบาลที่จะเป็น ส.ส.ได้ต้องมีเส้น ต้องมีคนฝาก ต้องมีพ่อแม่เป็นอดีต ส.ส.  หรือมีพ่อแม่เป็น นายก อบจ บ้าง เคยเป็น สจ บ้างเป็นต้น

นั่นคือพรรคก้าวไกล จึงเป็นที่พึ่ง ของคนรุ่นใหม่ที่อยากทำการเมือง แต่ไร้ซึ่งต้นทุนทางการเมืองที่ส่งต่อมาทางสายเลือด หรือ นามสกุล

แต่พรรคก้าวไกลนั้นมีความคิดสุดโต่งที่ย้อนและขัดแย้งกับสังคมไทยคือการจะแก้ไขมาตรา 112 หรือ แก้ไขโครงสร้างสถาบันกษัตริย์

ผมจึงเห็นด้วยว่าการที่มีพรรคอนาคตไกล จะมาเป็นตัวเลือกทางการเมืองให้กับคนรุ่นใหม่ ที่รักสถาบันฯ และผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่ได้ออกมาช่วยกันพัฒนาประเทศ

อาจไม่ใช่มีแค่พรรคอนาคตไกล  อาจมีพรรคก้าวใหม่  หรือในอนาคตอาจจะมีคนจดพรรคก้าวไกลกว่า  มาช่วยกันทำการเมืองของคนรุ่นใหม่ด้วยกัน..

ถึงวันนั้นเราอาจจะได้เห็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยกว่า 40 ปี เหมือนในต่างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังคนรุ่นใหม่ก็เป็นได้

ผมจึงขอย้ำว่า ตอนนี้การเมืองแบบสีเสื้อไม่มีแล้ว  ตอนนี้เข้าสู่การเมืองระหว่างวัยแล้วอย่างแท้จริง

อีก 4 ปีข้างหน้า จะเป็นการเมืองของคนอายุไม่เกิน 45 ปีลงมา อย่างแน่นอนรอชมกันนะครับ

รัฐบาลนี้คือจุดเปลี่ยนการเมืองไทย ที่จะทำให้การเมืองไทยไม่เหมือนเดิม ระบบหัวคะแนนจะหายไป ระบบแกนนำ จะหายไป  ระบบจัดเวทีปราศรัยจะหายไป  ทุกอย่างจะเข้าไปสู่ ไอที เข้าสู่สังคมออนไลน์ทั้งหมด

เพราะ คนอายุ 45 ปีลงมา จะมีสัดส่วนมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และ เวลานี้ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนที่จะมาแข่งกับพรรคก้าวไกลได้เลย

ผมก็รอลุ้นพรรคอนาคตไกล  พรรคก้าวใหม่  พรรคก้าวไกลกว่า  พรรคไหนชูเรื่องปกป้องสถาบันฯ และเน้นทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างให้ประชาชน  ผมก็อาจจะไปช่วยงานกับพรรคนั้นในอนาคต