"รทสช." ชี้ลงทุนโปรแตชแก้ปุ๋ยแพง เร่งผลักดันเทคโนโลยีภาคเกษตรลดต้นทุน

03 พ.ค. 2566 | 09:18 น.

"จุติ ไกรฤกษ์" รองหัวหน้าพรรค "รทสช." ชี้ลงทุนเหมืองโปรแตชแก้ปุ๋ยแพง ควบคู่การปรับลดต้นทุน ลดหนี้ ลดสารปนเปื้อนในพืช เพิ่มเทคโนโลยีภาคเกษตร หวั่นเกษตรกรไทยโดนกีดกันทางการค้า

นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวในงาน "THE BIG ISSUE 2023 : ปุ๋ยแพง วาระเร่งด่วนประเทศไทย ทางรอดเกษตรกร" หัวข้อ ความท้าทายของการลดปัญหาปุ๋ยแพง จัดโดย "ฐานเศรษฐกิจ" วันที่ 2 พ.ค. 2566 ว่า ปัญหาปุ๋ยแพง ถือเป็นปัจจัยที่ควบคุมราคาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องนอกประเทศทั้งการสู้รบ การคุมตลาดและภูมิรัฐศาสตร์การเมืองมาเกี่ยวข้อง

โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องทำงานหนักในการวิจัยพันธุ์พืช หาต้นทุนที่ถูกลง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผลผลิตต่อไร่ของประเทศไทยต่ำมาก 10 ปีที่ผ่านมาติดลบ การใส่ปุ๋ยมากไม่ได้รับประกันว่าจะเพิ่มผลผลิตได้

สำหรับการแก้ไขปัญหาคือ ผลิตปุ๋ยเพื่อใช้เอง จากโรงงานเหมืองโปรแตชที่ขณะนี้ยังไปไม่เปิด เพราะมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องให้ผู้ผลิตดำเนินการเอง เนื่องจากรัฐบาลคงไม่ดำเนินการ จากการจัดตั้งปุ๋ยแห่งชาติ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงต้องให้เอกชนดำเนินการ ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเข้ามาสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตามปัญหาปุ๋ยแพงเป็นปัญหาเร่งด่วน แต่ไม่ใช่ปัญหาเดียวของ "เกษตรกร" เพราะถ้าแก้แค่ปัญหาปุ๋ย ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเกษตรกรได้ เพราะการทำไร่ นาไม่ใช่แค่ปุ๋ยที่เป็นต้นทุน ยังมีทั้งปัจจัยจากค่าแรง รวมทั้งที่ทำกิน รวมทั้งชาวนา ชาวไร่ ยังมีปัญหาหนี้สินครัวเรือน

นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลช่วยเหลือโดยปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน มีการแก้กฎหมายแพ่งพาณิชย์ไม่ให้คิดอัตราดอกเบี้ยแพงเกินตามกฎหมายกำหนด และตัดดอกเบี้ยที่ชำระจากเงินต้นจะทำให้หนี้เกษตรกรได้รับการดูแลที่ดีขึ้น

นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องช่วยเหลืออย่างจริงจังในการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพราะที่ผ่านมาสิ่งที่น่าห่วงคือนโยบายที่ทุกประเทศต้องทำตามกติกาโลก คือความปลอดภัยของอาหารจากฟาร์ม ในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนไปใช้เกษตรอินทรีย์

ซึ่งประเทศไทยทำอยู่แต่ก็ช้ามาก จึงต้องทำแบบก้าวกระโดดไม่งั้นจะถูกมาตรการกีดกันทางการค้า จากข้อมูลไทยมีสารปนเปื้อนในพืชอยู่อันดับ 5 ของโลก ดังนั้นปุ๋ยเคมีจะไม่ใช่คำตอบจึงต้องหาสิ่งทดแทน

ส่วนบทบาท "สหกรณ์การเกษตร" จะต้องเร่งเพิ่มบทบาทให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน ใช้รูปแบบการบริหาร และแนวคิดให้เหมือนนักธุรกิจ ซึ่งนอกจากต้องหาปุ๋ยราคาถูกแล้ว ต้องหาต้นทุน จัดการระบบบัญชี บริหารหนี้ ทุกสหกรณ์ต้องมีพี่เลี้ยงเป็นภาคเอกชน ที่จะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มีเป้าหมายพัฒนาอย่างไร ลดหนี้เท่าไหร่

เนื่องจากทุกวันนี้ปัญหาหนี้เสียกว่า 75% มาจากสหกรณ์การเกษตร จึงต้องให้ความรู้การจัดซื้อจัดจ้าง มีธรรมาภิบาล เพื่อให้เกษตรกรก้าวข้ามความจนให้ได้