กกต.เปิดข้อมูลยังไม่มีพรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครลง ส.ส. ได้ครบ 77 จังหวัด

06 ก.พ. 2566 | 05:17 น.

กกต.เปิดฐานข้อมูลพรรคการเมือง ยังไม่มีพรรคใดส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้งได้ครบ 77 จังหวัด สูงสุดส่งได้แค่ 72 จังหวัด เตรียมเปิดรับสมัครผอ.ประจำเขตเลือกตั้งและ กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง 6-10 ก.พ.นี้

วันที่ 6 ก.พ.2566 แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ข้อมูล ณ วันที่ 3 ก.พ.2566 ในฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง ยังไม่มีพรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครได้ครบ 77 จังหวัด โดยพรรคที่ส่งได้มากที่สุดคือ 72 จังหวัด รองลงมาคือ 71 จังหวัด นอกนั้นต่ำกว่า 70 จังหวัด

ขณะที่วันนี้ สำนักงาน กกต.ได้เตรียมสรรหาผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดดำเนินการ ออกประกาศรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง โดยให้ดำเนินการรับสมัครระหว่างวันที่  6 -10 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้ประสงค์จะเข้ารับการสรรหาต้องยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด

 ทั้งนี้กรณีมีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง น้อยกว่า 2 คน   หรือมีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง น้อยกว่า 6 คน ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดดำเนินการทาบทามบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ให้ครบตามจำนวนดังกล่าว 

โดยให้ยื่นประวัติผู้ได้รับการทาบทามเข้ารับการสรรหาตามแบบประวัติผู้ได้รับการทาบทามเข้ารับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ภายใน 3  วันนับแต่วันสิ้นสุดการรับสมัคร คือ วันที่ 13 กุมภาพันธ์

และภายหลังจากปิดรับสมัคร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน นับแต่วันปิดรับสมัครและพิจารณาคัดเลือก

ผู้ที่มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามและมีความเหมาะสมให้เหลือ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง จำนวน 2 คน คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง จำนวน 6 คน  ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน 3 วัน นับแต่สิ้นสุดระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม เพื่อเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาตามระเบียบต่อไป