วัชระร้อง“ชัชชาติ”เร่งหาทางออกช่วยชาวบ้านสะพานสูง กรณีถมบึงน้ำสาธารณะ

02 ก.พ. 2566 | 09:35 น.

“วัชระ” ร้อง “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” เร่งหาทางออกช่วยชาวบ้านย่านสะพานสูง กรณีเอกชนอ้างกรรมสิทธิ์ที่ดินถมบึงน้ำสาธารณะ

วันนี้ (2 ก.พ.66) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รับร้องเรียนจากชาวหมู่บ้านพฤกษชาติ หมู่บ้านเค ซี เลควิล หมู่บ้านกัลปพฤกษ์ และในละแวกใกล้เคียงในเขตสะพานสูง กทม. ว่า ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากหน่วยงานภาครัฐ ที่ปล่อยปละละเลยไม่ประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะ หลังการออกใบอนุญาตให้ถมที่ดินในบึงน้ำ หรือ ทะเลสาบที่เชื่อมต่อกับคลองสาธารณะ 

หลังรับทราบเรื่อง นายวัชระ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมกล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่บ้าน เคพี เลควิว หมู่บ้านชัยพฤกษ์ เขตสะพานสูง ซึ่งปรากฏมีกรณีพิพาทมีเอกชนมาถมดินในบึงน้ำสาธารณะ ซึ่งประชาชนได้ใช้มายาวนานกว่า 40-50 ปี ที่ผ่านมา 

และในขณะนี้สำนักงานเขตสะพานสูง ได้อนุมัติให้สร้างสะพานเหล็กเพื่อนำรถบรรทุกดินมาถมในบึงน้ำสาธารณะ จึงเห็นว่า เรื่องนี้ผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ควรสั่งระงับการถมดิน เพื่อรอการตัดสินจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ไม่ควรดำเนินการถมดินในบึงน้ำสาธารณะ ทำให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ในย่านนี้ 

การกระทำดังกล่าวนั้น น่าจะเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นโครงการที่กระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ในเขตสะพานสูง ขอให้พิจารณาเพื่อหยุดยั้งในเรื่องนี้เป็นการด่วน 

ด้านผู้ได้รับผลกระทบเดือดร้อนจากเรื่องนี้ ดร.เทพสิทฐิ์ ประวาหะนาวิน นายกริช ทอมมัส นายเดชาชัย สุขีรัตน์ นายคณิต โสทรขจรกิจ แกนนำชาวเมือง หมู่บ้านพฤกษาชาติ หมู่บ้านเค ซี เลควิล และหมู่บ้านกัลปพฤกษ์กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบบึงน้ำสาธารณะ ร่วมกันเปิดเผยว่า บึงน้ำนี้มีพื้นที่กว่า 70 ไร่ ความลึกอยู่ที่ 20-30 เมตร มีปริมาณน้ำกว่า 3 ล้านคิว ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์มากว่า 40 ปี 

บางครอบครัวใช้บึงน้ำนี้ เป็นวิถีชีวิตจับสัตว์น้ำเพื่อยังชีพ โดยไม่มีผู้ใดอ้างตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว หรือ หากมีเจ้าของกรรมสิทธิ์จริง ก็ต้องสูญเสียความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้อยู่ดี เพราะทอดทิ้งที่ดินนี้มานานหลายสิบปี ประกอบกับบึงน้ำนี้ กับ คลองวังใหญ่ ซึ่งเป็นคลองน้ำสาธารณะ ก็เป็นท้องน้ำเดียวกันมานาน จนไม่สามารถแบ่งแยกได้ 

หลังจากนี้ชาวบ้านจะได้รวมตัวกันเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาบุกรุก และอ้างตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้ ซึ่งทีมกฎหมายที่ปรึกษาของคณะที่รณรงค์ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ พบว่า มีโฉนดที่ดินอยู่ 4 แปลง เลขที่ 2267,2268,26871(5427) และ 5424  

                              วัชระร้อง“ชัชชาติ”เร่งหาทางออกช่วยชาวบ้านสะพานสูง กรณีถมบึงน้ำสาธารณะ

ด้านนายคณิต โสทรขจรกิจ อายุ 74 ปี เปิดเผยว่า อยู่กับบึงน้ำนี้มากว่า 40 ปี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้อาศัยบึงน้ำนี้เป็นแหล่งเลี้ยงชีพท่ามกลางสังคมเมือง ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เห็นมีใครมาอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้เลย เมื่อคราวเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 กับปี 2565 บึงน้ำแห่งนี้ได้ช่วยชาวบ้านหลายหมื่นคน จากหลายหมู่บ้านฯ รอดพ้นจากน้ำท่วม เพราะบึงแห่งนี้เป็นพื้นที่รับน้ำเอาไว้  

จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบบึงน้ำ ขณะนี้มีการถมดินปิดกั้นการเชื่อมต่อระหว่างบึงน้ำ กับ คลองวังใหญ่ ทำให้มีน้ำขังเน่าเสีย และมีสิ่งที่น่าสงสัยคือ เหตุใดฝ่ายโยธา สำนักงานเขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร จึงอนุมัติให้สร้างสะพานเหล็กข้ามคลองวังใหญ่ มาเพียงครึ่งเดียว มีวัตถุประสงค์อะไร หรือจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าของที่ดินขนดินเข้ามาในที่ดินบึงน้ำนี้ 

ทั้งๆ ที่ระบุในโฉนดที่ดิน แปรสภาพเป็นบึงน้ำมา 40 กว่าปี และไม่มีถนนทางออกสู่ถนนสาธารณะแต่อย่างใด ดังนั้น จึงต้องหาคำตอบให้ได้ว่าการสร้างสะพานเหล็ก เพื่อต้องการช่วยให้การขนดินจากอีกฝั่งคลอง คือ ฝั่งถนนกรุงเทพกรีฑาสายใหม่ ทำได้อย่างสะดวกใช่หรือไม่