“ประยุทธ์-อุ๊งอิ๊ง” คู่ชิงนายกฯ เดิมพัน“อำนาจรัฐ”

31 ธ.ค. 2565 | 03:30 น.

“ประยุทธ์-อุ๊งอิ๊ง” คู่ชิงนายกฯ เดิมพัน“อำนาจรัฐ” : รายงานการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3848 ระหว่างวันที่ 29-31 ธ.ค.2565

 

เป็นลำดับที่  1 และ ลำดับที่ 2 แถมจะทุกโพลที่มีการสำรวจความคิดเห็นคนที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น 2 คนที่ว่าก็คือ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  

 

ล่าสุด ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาประกาศความชัดเจนว่า จะไปต่อบนถนนการเมือง เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในการเลือกตั้งครั้งหน้า  


ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ก็ยังยกให้ “บิ๊กตู่” และ “อุ๊งอ๊ง” เป็นขวัญใจของประชาชนที่จะเลือกให้เป็นนายกฯ  แต่ “อุ๊งอิ๊ง” ดูจะมีความนิยมมากกว่าที่จะเลือกให้เป็นนายกฯ คนต่อไป 


“อุ๊งอิ๊ง-บิ๊กตู่”คู่ชิงนายกฯ   

 

โดย ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2565” สำรวจ 2,000 คน เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2565


ประเด็น ประชาชนจะเลือกให้ใครเป็นนายกฯ หากมีการเลือกตั้งในวันนี้ ใน 5 อันดับแรก พบว่า อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย นำมาเป็นอันดับที่ 1 ได้ 34.00% 

 

อันดับที่ 2 เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ 14.05%

 

ส่วนอันดับที่ 3 เป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล 13.25% อันดับ 4 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 8.25%  และอันดับที่ 5 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคไทยสร้างไทย ได้ 6.45%


“เพื่อไทย”ความนิยมนำโด่ง


ส่วนประเด็นพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ หากมีการเลือกตั้ง ผลปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย ก็มีความนิยมนำโด่ง ได้ 42.95% 


ตามด้วย พรรคก้าวไกล 16.60% อันดับ 3 ไม่สนับสนุนพรรคใดเลย  8.30% ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเป็นลำดับที่ 4 ได้ 6.95%


ตามด้วย พรรคประชาธิปัตย์ 5.35% พรรคภูมิใจไทย 5.25% พรรคพลังประชารัฐ 4.00% พรรคเสรีรวมไทย 3.40% พรรคไทยสร้างไทย 3.25% พรรคชาติพัฒนากล้า 1.35%


โอกาสตั้งรัฐบาลเพื่อไทย

 

ในการเลือกตั้งส.ส.ที่จะเกิดขึ้นอย่างช้าไม่เกินเดือน พ.ค.2566 นั้น โอกาสที่ พรรคเพื่อไทย(พท.) ภายใต้การนำของ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร จะได้เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ต้องได้เสียงส.ส.อย่างน้อย 250 เสียง ขึ้นไป จากทั้งหมด 500 เสียง เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอก และข่มไปยัง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ประชาชนต้องการให้ “เพื่อไทย” เข้ามาเป็นรัฐบาล  

 

อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยไม่บรรลุเป้า “แลนด์สไลด์” คือ ได้ส.ส.เกิน 250 เสียงขึ้นไป โอกาสในการเป็นรัฐบาลก็ยังมีอยู่ แต่ต้องรวบรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง  


สมมติว่า พรรคเพื่อไทย ได้ส.ส.เข้ามาไม่ถึง 250 เสียง แต่ได้มา 200 เสียง ก็ต้องไปหาพรรคอื่นเป็นพันธมติรในการจัดตั้งรัฐบาล อาจจะเป็นการไปจับมือกับ “พรรคบิ๊กป้อม” พลังประชารัฐ ที่หากได้ส.ส. 80 ที่นั่ง ก็ยังมีเสียงส.ว.สายบิ๊กป้อม อีก 80-100 เสียง คอยสนับสนุน


หรือไม่ก็หาพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่ม อาจจะเป็น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่ิอชาติ หรือ แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์
เพราะในการโหวตเลือกนายกฯ ในสภาฯ นั้น ยังมี “ส.ว.” มาเป็นตัวแปรสำคัญในการโหวต ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดว่า ในช่วง 5 ปีแรก ส.ว. 250 เสียง มีอำนาจร่วมกับ ส.ส. 500 เสียง รวมเป็น 750 เสียง พิจารณาลงมติเห็นชอบผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภารวมกัน นั่นคือ 376 เสียง


สำหรับ 250 ส.ว.ชุดปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งมา เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2562 และจะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. 2567


การที่ “เพื่อไทย” จะได้เข้ามาเป็นรัฐบาลหรือไม่ เบื้องต้นต้องทำให้เห็นว่าประชาชนเลือกพรรคของ “อุ๊งอิ๊ง” ถล่มถลายเสียก่อน

 

                                       “ประยุทธ์-อุ๊งอิ๊ง” คู่ชิงนายกฯ เดิมพัน“อำนาจรัฐ”


โอกาส“บิ๊กตู่”นั่งนายกฯต่อ 


หันไปดูโอกาสของ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์” ที่จะได้กลับเข้ามาเป็นนายกฯ คนที่ 29 สมัยที่ 3 อีกหรือไม่ 

 

แน่นอนว่า นั่งร้านที่จะนำพา พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่สนามเลือกตั้ง ในฐานะ “แคนดิเดตนายกฯ” คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)  ของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

 

โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ จะต้องได้ที่นั่งส.ส.เกิน 80 เสียงขึ้นไป (รทสช.ตั้งเป้า 100 ที่นั่ง) แล้วไปรวมกับ พรรคภูมิใจไทย ที่อาจได้ราว 70-80 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 52 ที่นั่งขึ้นไป พรรคพลังประชารัฐ ได้ 30-40 ที่นั่ง และสามารถผนึกกับพรรคเล็กเพิ่ม เพื่อให้ได้ส.ส.เกิน 251 เสียง ขณะที่มีเสียงส.ว. 120 เสียง “สายบิ๊กตู่” ก็พร้อมโหวตคะแนนให้อยู่แล้ว


ดูๆ แล้ว “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์” ก็ยังมีโอกาสที่จะได้กลับเข้ามาเป็นนายกฯ สมัยที่ 3 อยู่เหมือนกัน แม้ผลสำรวจประชาชนจะออกมาว่า คะแนนนิยมยังตามหลัง “อุ๊งอิ๊ง” อยู่ก็ตาม

 

ศึกชิงอำนาจรัฐ
 

ศึกเลือกตั้งส.ส.ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2566 นี้ ถือเป็นการเลือกตั้งที่มี “อำนาจรัฐ” เป็นเดิมพัน 
 

 

เพราะ “อุ๊งอิ๊ง” ต้องการเข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อ “กุมอำนาจรัฐ” อันจะเป็นสะพานไปสู่การช่วยพ่อ ทักษิณ ชินวัตร ได้มีโอกาส “กลับบ้าน” 

 

“เป้าหมายต่อไปพรรคเพื่อไทย ต้องแลนด์สไลด์ เราต้องได้อำนาจรัฐ” อุ๊งอิ๊ง พูดบนเวทีปราศรัย เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2565 ในโอกาสที่พรรคเพื่อไทย  จัดงาน “ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ มลฑาทิพย์ ฮอลล์ อ.เมือง จ.อุดรธานี


 ขณะที่ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์” ก็ต้องการเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกสมัย เพราะหากไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อลงจาก “หลังเสือ” แล้ว จะเจอกับการ “เช็กบิล” อะไรตามมาหรือไม่ 
 

ณ เวลานี้ คู่ชิงนายกฯ ต้องยกให้ “บิ๊กตู่” กับ “อุ๊งอิ๊ง” เท่านั้น ส่วนใครจะสมหวัง หรือ ผิดหวัง มารอดูกัน ไม่เกินเดือน พ.ค.2566 รู้ผลแน่...