คดี“ข้าว-มัน”จีทูจีหลอนรัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์ บิ๊กเนมติดร่างแหอื้อ

19 พ.ย. 2565 | 02:30 น.

คดี“ข้าว-มัน”จีทูจีหลอนรัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์ : พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ...“มีเรื่องสำคัญที่รอเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.อยู่ 3-5 เรื่อง เป็นเรื่องใหญ่ เป็นระดับนักการเมืองสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

“มีเรื่องสำคัญที่รอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ 3-5 เรื่อง เป็นเรื่องใหญ่ เป็นระดับนักการเมืองสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่สำคัญมีไทม์ไลน์เรียบร้อยแล้ว น่าจะเข้าภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้" พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ระบุเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2565 


ต่อมาวันที่ 14 พ.ย.2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ย้ำถึงคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 ที่มีการกล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกรัฐฯ  และ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเตรียมนำเสนอที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาในเดือน พ.ย.นี้ว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบรายละเอียดได้ เพราะต้องรอว่าองค์ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครบวันไหน เนื่องจาก ประธาน ป.ป.ช. มีนโยบายว่าเรื่องนี้เป็นคดีใหญ่ สมควรให้องค์ประชุมครบถ้วนเพื่อพิจารณา แต่เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเสร็จทันอย่างน้อยภายในปลายปี 2565

ส่วนความคืบหน้าคดีจีทูจีอื่น ๆ เช่น คดีการระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) แบบจีทูจี นายนิวัติไชย กล่าวว่า คดีมันเส้นก็เสร็จแล้วเช่นกัน ทั้ง 2 สำนวน เตรียมนำเสนอที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณา น่าจะเสร็จทั้ง 2 รัฐบาล 


สำหรับมหากาพย์คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี ผ่านกาลเวลามาราว 10 ปี  เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 10 สัญญา โดยพบว่ามี 8 สัญญาที่เกิดการทุจริตเกิดขึ้น ระหว่างปี 2554-2556 ในช่วงที่ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" เป็น รมว.พาณิชย์ "ภูมิ สาระผล" เป็น รมช.พาณิชย์ มูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท  ส่วนอีก 2 สัญญาสุดท้าย เกิดขึ้นสมัย "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" เป็น รมว.พาณิชย์ และไม่พบการทุจริต 

คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มี “นัการเมือง” หลายรายตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา


ส่วนคดีซื้อขายมันสำปะหลังจีทูจี มีทั้งในยุครัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และการซื้อขายมันเส้นจีทูจียุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”


เส้นทางคดีข้าว-มันจีทูจี


การซื้อขายมันสำปะหลังแบบจีทูจีของรัฐบาลทั้ง 2 ยุค แทบจะมีความคล้ายคลึงกันกับกรณีระบายข้าวจีทูจี เนื่องจากมีตัวละครบางตัวเป็นคีย์แมนเดินงานเหมือนกัน


เริ่มจากการซื้อขายมันสำปะหลังจีทูจี เกิดขึ้นในช่วงปี 2553 สมัย “รัฐบาล “อภิสิทธิ์” ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่วมกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ส่งเรื่องมาให้กับ ป.ป.ช. เป็นผู้ตรวจสอบ

 

ตามรายงานผลการสอบสวนการซื้อขายมันสำปะหลังจีทูจี ระหว่าง กรมการค้าต่างประเทศ กับ บริษัท China Marine Shipping Agency Lianyungang Co.,Ltd ตัวแทนจากจีน จำนวน 1.4 แสนตัน วงเงินรวม 1,460 ล้านบาท ในยุคที่ พรทิวา นาคาศัย ดำรงตำแหน่งเป็น รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2553 ที่ สตง.นำส่งไปให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เพื่อรับทราบ และสั่งดำเนินคดีทางอาญาและวินัย กับ มนัส สร้อยพลอย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ


โดยพบพฤติการณ์ความผิดว่า การซื้อขายแป้งมันสำปะหลังกับ บริษัท China Marine Shipping Agency Lianyungang Co., Ltd ขายในราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวมถึงบริษัท China Marine ยังไม่ได้รับการมอบอำนาจจากประเทศจีน และวัตถุประสงค์ของบริษัทไม่ใช่การซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จึงถือว่าไม่ใช่บริษัทที่มีอำนาจลงนามทำสัญญาในนามของประเทศจีนแต่อย่างใด


นอกจากนี้ ยังมีการโอนสิทธิ์ดังกล่าวไปให้กับบริษัทเอกชนประเทศไทย อย่างน้อย 3 แห่ง เข้ามาดำเนินการซื้อขายแป้งมันสำปะหลังแทนอีกด้วย


โดยผู้แทนเอกชนทั้ง 3 ราย เข้าให้การกับ สตง. พร้อมหลักฐานการส่งออกมันสำปะหลังในรูปแบบ “แป้งมัน” และแคชเชียร์เช็คการจ่ายเงินให้แก่ China Marine ปรากฏข้อเท็จจริงตรงกันว่า ทั้ง 3 บริษัท ได้ซื้อแป้งมันสำปะหลังจาก บริษัท China Marine โดยนำเงินตามสัดส่วนของแต่ละบริษัท จ่ายให้แก่ บริษัท China Marine เพื่อนำไปจ่ายให้กับกรมการค้าต่างประเทศเป็นค่าซื้อแป้งมันสำปะหลัง


ต่อมา บริษัท China Marine ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ทั้ง 3 บริษัท นำไปใช้เป็นหลักฐานเพื่อรับแป้งมันจาก อคส. และเมื่อได้รับสินค้าแล้ว บริษัทแต่ละแห่งจะนำสินค้ากลับมาที่โรงงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพ 


จากนั้นนำไปบรรจุถุงใหม่และส่งออกในนามของแต่ละบริษัทเอง โดยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการขนส่ง ส่งออก และปรับปรุงคุณภาพแป้งมัน แต่ละบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของตนเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ บริษัท China Marine แต่อย่างใด

 

ลักษณะดังกล่าวจึงอาจเข้าข่ายเป็นการซื้อขายแบบ “จีทูจีเก๊”  ป.ป.ช.จึงตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมี วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ขณะนั้น เป็นเจ้าของสำนวน มีการเปิดชื่อผู้ถูกกล่าวหารวมทั้งสิ้น 46 ราย โดยมี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ ครม.ทั้งคณะ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา 32 ราย ที่เหลือเป็นคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังอีก 14 ราย

                            คดี“ข้าว-มัน”จีทูจีหลอนรัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์ บิ๊กเนมติดร่างแหอื้อ             


มันจีทูจียุคยิ่งลักษณ์


ส่วนคดี “มันเส้นจีทูจี” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เกิดการซื้อขายมันสำปะหลัง (มันเส้น) ในรูปแบบสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้มีการทำสัญญา ซื้อขายมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง รวม 7 สัญญา ปริมาณรวม 4,790,000 ตัน จำนวนเงินรวมกว่า 30,642 ล้านบาท


อย่างไรก็ดี บริษัทที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะตัวแทนของราชอาณาจักรไทย ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบหมายหรือรับมอบอำนาจจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 


โดยการกระทำนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะเอื้ออำนวยหรือช่วยเหลือให้บริษัทดังกล่าวได้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยมุ่งหมายหรือหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ประกอบกับการพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องของราคาที่ซื้อขาย


ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้ให้ความเห็นชอบในราคาตามข้อเสนอของบริษัท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าข้อเสนอของฝ่ายไทย เว้นแต่สัญญาที่ 2/2013 ซึ่งเสนอราคาเท่ากันทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน การกระทำดังกล่าวจึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง


สำหรับคดีนี้ มีการกล่าวหาตัวละครหน้าเดิม เช่น “บุญทรง เตริยาภิรมย์” เมื่อครั้งนั่ง รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 31 ราย ไม่ว่าจะเป็น “หมอโด่ง” วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ “มนัส สร้อยพลอย” อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ “สุธี เชื่อมไธสง-ลิตร พอใจ-สมคิด เอื้อนสุภา” เครือข่ายคนใกล้ชิด “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวที่ถูกจำคุกคดีข้าวจีทูจี เป็นต้น

 

ทั้งนี้ คดีมันเส้น “ยุคยิ่งลักษณ์” ถูกตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนช่วงปี 2558 โดยมอบหมาย “สุภา ปิยะจิตติ” เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน 


ผ่านมาร่วม 7 ปี คดีนี้ ป.ป.ช.สรุปสำนวคดีเสร็จสิ้นแล้ว และเตรียมนำเข้าที่ประชุมชุดใหญ่ชี้ขาดเร็ว ๆ นี้ 


“บิ๊กเนม”ติดร่างแหอื้อ


ประเด็นที่น่าสนใจคือ คดีขายมันจีทูจี “ยุคอภิสิทธิ์” ปรากฏชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค สมัยเป็น รมว.ยุติธรรม ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ ตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาร่วมด้วย


นอกจากนั้น ยังชื่อ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” สมัยเป็น รมว.กลาโหม “สุเทพ เทือกสุบรรณ” สมัยเป็นรองนายกฯ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” สมัยเป็นรองนายกฯ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเช่นเดียวกัน


ทั้งคดี “ข้าว-มัน” จีทูจี บทสรุปจะเป็นเช่นไร และมีใครถูกชี้มูล หรือ “รอด” บ้าง ภายในเดือนนี้ได้รู้กันแน่...


สำหรับ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังอยู่ระหว่างชั้นพิจารณาของ ป.ป.ช. มีสิทธิต่อสู้คดีอีกในชั้นอัยการและชั้นศาล จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด