ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ออกประกาศ เรื่อง สมุนไพรควบคุมช่อดอกกัญชาในฉบับปรับปรุง และให้ยกเลิกฉบับเดิม ว่า เนื้อหาที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ การคุมเข้มเฉพาะช่อดอกให้เป็นสมุนไพรควบคุม ซึ่งไม่ได้ช่วยในเรื่องการปิดสุญญากาศกัญชาเสรีแต่อย่างใด
เมื่อเทียบกับประกาศฉบับเดิม ที่ให้กัญชาทั้งต้นเป็นสมุนไพรควบคุม จะเห็นได้ว่า ประกาศฉบับใหม่แม้คุมเรื่องช่อดอกแบบชัดเจนขึ้น แต่ส่วนอื่นของกัญชาไม่มีการควบคุม แม้จะมีการกำหนดข้อห้ามเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ห้ามจำหน่ายเพื่อการสูบในสถานประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม , ห้ามจำหน่ายผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ และช่องทางออนไลน์
ห้ามโฆษณาทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามจำหน่ายภายในวัด หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก แต่ข้อห้ามทั้งหมดจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อ ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่รอพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร วาระสองและสาม กำหนดให้ทุกครัวเรือนสามารถปลูกกัญชาได้ 15 ต้น เท่ากับไม่จำเป็นต้องไปซื้อ แต่ปลูกเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“ดิฉันยังมีคำถามด้วยว่า เมื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไปปลูกกัญชาได้ไม่เกิน 15 ต้นต่อครัวเรือน แล้วจะไปคุมช่อดอกที่ประชาชนปลูกกันอย่างไร จะคุมการเสพในครัวเรือน การจำหน่ายในชุมชนอย่างไร ในต่างประเทศกำหนดเขตร้านที่จำหน่ายได้ แต่ตอนนี้เป็นกัญชาเสรีถึงก้นครัวไปแล้ว
ที่พูดไม่ใช่การสกัด หรือเตะตัดขาทางการเมือง แต่ที่ต้องพุ่งชนเต็มสูบ เพราะทำใจไม่ได้ให้ลูกหลานติดยา กัญชาวันนี้อาจไม่เห็นผล แต่เชื่อว่า 5-7 ปี จะเหมือนผีดิบเดินได้ เกิดซาตานในหมู่บ้าน เราจะหวังให้ลูกหลานกลับมาดูแลเราได้อย่างไร ในเมื่อมีบันไดสิ่งเสพติดทอดอยู่ หนึ่งไปกัญชา สองไปยาบ้า
และที่เป็นตลกร้ายมาก ๆ คือ ประกาศใหม่ ห้ามโฆษณาเพื่อการค้า แต่ที่ผ่านมาผู้บริหารกระทรวงคือพรีเซ็นเตอร์ เป็นสิ่งที่ย้อนแย้งมาก และสัญญาณที่ส่งมันไปแล้ว จะเรียกคืนกลับมาอย่างไร” ดร.พิมพ์รพี กล่าว