ปฏิวัติเงียบขุนพลทหาร! “คอแดง-สายบี้-สายแดง” ผงาด

3 ตุลาคม 2565 เสียงถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนายพลชุดใหม่ "ข้าพระพุทธเจ้า จะรักษาไว้พระบรมเดชานุภาพ แห่งองค์พระมหากษัตริย์ แห่งราชจักรีวงศ์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่" ดังก้องไปทั่วทั้งกองทัพบก

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.พร้อมด้วยทหารชั้นนายพลที่พึ่งรับตำแหน่งใหม่ กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตน ต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่5) พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่10) เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์

เป็นสัญญาณชัดเจนของผู้นำกองทัพว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่เช่นไร

 

นอกจากนี้ ยังเป็นการสะท้อนเส้นทางของขุมกำลังหลักในประเทศที่แปรเปลี่ยนไป จากเดิมที่ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ค่ายพรหมโยธี กองพลทหารราบยานเกราะเต็มรูปแบบ กองพลเดียวของไทย ที่มีมีฉายา “กองกำลังบูรา” นายทหารที่ผ่านกองพลนี้เรียกว่า “นักรบบูรพา” หรือ “บูรพาพยัคฆ์” คุมมายาวนาน

                                 
ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่ยุค “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ. มาตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา นายทหารที่ผ่านหน่วยนี้ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.หรือตำแหน่งระดับสูงในกองทัพและกระทรวงกลาโหมหลายคน 

มีเพียง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 อดีตผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 รองผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 อดีตผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารบก ถือเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ รุ่นเดียว กับ พล.อ.ประวิตร ก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.

หลังจากนั้นมาเป็น อดีต ผบ.พล.ร.2 รอ. ก้าวขึ้นเป็น ผล.ทบ.ถึง 2 คน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1  เป็น ผบ.ทบ. ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2550 – 30 กันยายน 2553 รวม 2 ปี 364 วัน และขึ้นเป็น รมว.มหาดไทย ตั้งแต่ 30 สิงหาคม 2557 ถึงปัจจุบัน รวม 8 ปี 40 วัน 

                   
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1  เป็นเสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ก้าวขึ้นเป็น รองผบ.ทบ.  และเป็น ผบ.ทบ.ตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 – 30 กันยายน พ.ศ. 2557 (รวม 3 ปี 364 วัน) ก่อนทำรัฐประหาร และก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ยาวนานที่สุดตั้งแต่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ถึงปัจจุบันรวม 8 ปี 45 วัน  

พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.ช่วง 2554-2556 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 สไลด์ไปเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม 

เพราะตอนนั้น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร นายทหารวงษ์เทวัญ จากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 มาจ่อคิว เป็นเสนาธิการทหารบก และเป็น รองผู้บัญชาการทหารบก อาวุโสสูงกว่า ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

และแทรกด้วย บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 25 เตรียมทหารรุ่น 14 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อุดมเดช ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. โดยขยับจากทัพภาคที่ 1 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก คนที่ 39

บิ้กหมูถือเป็นน้องรัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายทหารจากถิ่นบูรพาพยัคฆ์ ที่ขึ้นนั่งเก้าอี้แม่ทัพบกเป็น คนที่ 5

                               
“บูรพาพยัคฆ์” ที่รอลุ้นคือ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.ปี 2559-2560 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และปัจจุบันเป็น รองผบ.ทบ. 1 ในแคนดิเดต ผบ.ทบ.หลังจากนี้ไป

“บูรพาพยัคฆ์” ลุ้นอีกคนคือ พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.2560-2561 ตามเจริญชัยมาติดๆ อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ตอนนี้ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (5 เสือ ทบ.) 

“บูรพาพยัคฆ์” ที่หลุดโผไปสดๆร้อนๆ อย่างน่าพิศวง คือ พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.2562-2563 สไลด์เข้าตำแหน่งหลักเป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 จ่อคิวขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 และก้าวขึ้นไลน์ 5 เสือทบ. แต่พลาดเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ไป แบบแหกโค้งพลิกโผ 

ผมขอบอกว่า การแต่งตั้งนายทหารระดับสูงในกองทัพบกรอบนี้ เสมือนเป็นการตัดเส้นทางเข้าคุมกำลังหลัก และ ผบ.ทบ. ของนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ไปโดยสิ้นเชิง

“บูรพาพยัคฆ์” ที่รอคิวอีกคนหนึ่งหลังจากนี้คือ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง หาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.พ้นตำแหน่ง แต่พ้นจากนี้ไป นายทหารวงษ์เทวัญในหน่วย ฉก.ทม.รอ.กับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.)  เข้าคิวไปยาวๆ พรึ่บพั่บ!

                           
สาเหตุเพราะตอนนี้ นายทหารในหน่วย ฉก.ทม.รอ.กับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ที่ถือเป็นส่วนกำลังรบหลักของกองทัพภาคที่ 1 ดูแลพื้นที่ชั้นใน เขตพระราชฐาน มีหน่วยกำลังขึ้นตรงได้แก่ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ สายนี้เรียกว่า “สายวงศ์เทวัญ” มีภารกิจสำคัญเป็นทหารรักษาพระองค์

นายทหารหน่วย ฉก.ทม.รอ.กับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ที่ก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในระยะนี้ ไล่จาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์  ขึ้นเป็นผบ.ร.11 รอ. เป็น ผบ.พล.ร.11  เป็น ผบ.พล.1 รอ. ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. 

คนที่สองคือ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ร.31 รอ. อดีต ผบ.พล.1 รอ. ก้าวขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 และเป็น ผบ.ทบ.

จับตาให้ดีหลังจากนี้ไปนายหทารใน “หน่วย ฉก.ทม.รอ.กับ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.)” จะครองตำแหน่งในพระนครและคุมกำลังหลักแน่นอน
ทำไม เพราะตอนนี้ทหารสายลุงป้อมหมดแรง ทหารสายลุงตู่อ่อนล้า แต่ “นายทหารสายคอแดง “ฉก.ทม.รอ.และกองพล.1 รอ” เข้มแข็งผูกโยงใยถักทอกันแน่นเฟ้นอย่างยิ่ง

                               
ทหารสายคอแดง เป็นผลผลิตมาจาก"กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์: ทม.รอ. ตั้งอยู่ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในกทม. ส่วน กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ตั้งอยู่ที่ค่ายนวมินทราชินี  จ.ชลบุรี

"ราชวัลลภ" แปลว่า  “ผู้เป็นที่รัก สนิท คุ้นเคยของพระราชา”

ปัจจุบัน นายทหารผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ. จะถูกคัดสรรเป็นพิเศษ ที่สำคัญต้องมีความจงรักภักดีเป็นที่สุด 

เพราะ ผบ.ทบ.นอกจากคุมกำลังทหารกว่า 2 แสนนายแล้ว ยังดำรงตำแหน่ง “หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904” เรียกกันติดปากว่า "ทหารคอแดง" ทำหน้าที่ถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัย ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ปัจจุบัน กองทัพไทยและกองทัพบก มีหน่วยทหารรักษาพระองค์รวมกัน  87 หน่วย และนายทหารสายฉก.ทม.รอ.ปัจจุบันล้วนแล้วเข้มแข็งและเป็น “สายบี้-สายแดง”

ระนาบพลโทที่คุมกำลังตอนนี้ แข็งโป้กสุดต้อง “บิ๊กไก่” พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1รอ.) แกนนำรุ่น ตท. 28 ตอนนี้ขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาค 1 จ่อเป็น “แม่ทัพภาค 1” ถูกจับตามองว่า จะเป็นแคนดิเดท ผบ.ทบ. ในอนาคต 

“รองแอ้ม” พ.อ.ณัฐเดช จันทรางศุ (ตท.28) รอง ผบ.พล.1 รอ. ขึ้นเป็น พลตรี เป็น ผบ.พล.1 รอ.  คุมกำลังทหารคอแดง แทนที่

คนต่อมาคือ “บิ๊กกอล์ฟ” พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.มทบ.11  ที่ถูกโยกขยับขึ้นไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ กองพลทหารราบยานเกราะเต็มรูปแบบเพียงกองพลเดียวของกองทัพบกไทย นายทหารภาคกลางถูกโยกไปคุมภาคตะวันออกที่บูรพาพยัคฆ์เป็นแกนนำรุ่น ตท.28 อีกคนที่ถูกจับตามองว่า จะเป็น แม่ทัพภาค 1 และ ผบ.ทบ. ในอนาคต   

 “รองต๊อบ” พ.อ.วุทธยา จันทมาศ รองผบ. พล.ร.9  ขึ้นพลตรี เป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9 )  คุมพื้นที่ภาคตะวันตก ขณะที่ “เสธ.น้ำ” พ.อ.เกียรติศักดิ์ น้ำไชยศรี รองเลขานุการทบ. ขึ้นเป็น พลตรี เลขานุการ ทบ.
จะเห็นได้ว่า เตรียมทหารรุ่น 28 ยึด 3 กองพลหลักของกองทัพภาค 1 เบ็ดเสร็จ คุมกำลังรบและขุมกำลังปฏิวัติไว้ในมือ

                       
สาย "บี้-สายแดง” ยังลงลึกไปถึงระดับผู้การกรม เมื่อมีการตั้ง พ.อ.กริช บุญเกิด ผบ.ร.111 เป็น ผบ.ร.112 (กรมทหารราบที่ 112 กองพลทหารราบที่ 11) คุมกรมยานเกราะสไตรเกอร์ ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี

ตั้ง พ.อ.ธีรเดช ลิ้มคุณากุล ผบ.กรม สน.พล.ร.11 เป็น ผบ.ร.111 (ฉะเชิงเทรา)
ตั้ง “ผู้การฯด้วง” พ.อ.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ ผบ.ร.31 รอ. หรือ ผู้การฯอาร์ดีเอฟ คุมนักรบในเงามืด ซุ่มโจมตี เคลื่อนที่เร็ว ขึ้นเป็น รอง ผบ.พล.1รอ.

ตั้ง “เสธ.ย้ง” พ.อ.คทาวุธ ชัยย้ง เสธ.พล.1 รอ.ขึ้น เป็น ผบ.ร.31 รอ.หน่วยอาร์ดีเอฟ (แรพิด เดสทรอย ฟอร์ซ) ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษรับหน้าที่ซุ่มโจมตี เคลื่อนที่เร็วเข้าปะทะ  นักรบในเงามืด 

ตั้ง พ.อ.สังกาศ สร้อยคำ ผบ. ร.112 ขึ้นเป็น รองผบ.พล.ร.11

สายบิ๊กบี้-สายแดง ยังลงรากไปถึงค่ายสุรีสีห์ ลาดหญ้า  กาญจนบุรี ที่คุมกำลังป้องกันประเทศตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่ 4 จังหวัด กาญจนบุรี, ราชบุรี,  เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์

ผู้การกิ๊ฟ-พ.อ.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.ร.29 น้องรัก “บิ๊กบี้” ขึ้นเป็น รอง ผบ.พล.ร.9

“เสธ.ก้อง”พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก “น้องรักบิ้กบี้” รอง ผบ.ร.29 ขึ้นเป็น ผบ.ร.29  

พ.อ.เฉลิมชัย ชัดใจ ผบ.ร.9 “น้องรักบิ้กบี้” เป็น รอง ผบ.พล.ร.9

พ.อ.รณวรรณ พจน์สถิต เสธ.พล.ร.9 เป็น ผบ.ร.9

พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ร.19 เป็น ผบ.ร.19  

บูรพาพยัคฆ์ของพี่น้อง 3 ป. อ่อนแรง สายฉก.คอแดง “สายบี้-สายแดง” เข้มแข็งอย่างยิ่ง ภายใน 2 ปี หลังจากนี้ จะเห็นรูปธรรมในการเปลี่ยนขุมกำลังของกองทัพบก 

โปรดรอดูเส้นทางนายทหารคอแดง สาย ฉก.ทม.รอ.ที่มีภาระกิจเพื่อชาติ ราชบัลลังก์ให้ดีนะครับ