ในขณะที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจกับปัญหาทางการเมืองว่าด้วย วาระการดำรงตำแหน่ 8 ปี ของนายกรัฐมตรี พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา และปัญหาภาวะใหญ่ที่ถาโถมใส่จนผู้คนในประเทศเผชิญภาวะน้ำท่วมขังบ้านเรือน ที่ทำกิน เดือดร้อนกันทั้งประเทศนั้น
บรรดานักสังเกตการณ์ทางการเมือง นักการทหาร ด้านความมั่นคง ต่างให้ความสนใจกับปรากฏการณ์ ของการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพล ที่ขึ้นมากุมกำลังหลักของประเทศ
ทำไมนะหรือ เพราะวิถีทางทางเมืองไทยแตกต่างจากทุกประเทศในโลก
ในเมืองไทย การมีอำนาจทางการเมืองเป็นเรื่องของการแย่งอำนาจรัฐ แต่อำนาจจากปากกระบอกปลายปืน ใหญ่กว่าอำนาจทางการเมือง ที่ผ่านระบบการเลือกตั้งมาตลอดในประวัตศาสตร์ไทย
และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกำลังพลหลัก ที่เป็นขุมกำลังของเหล่าทัพจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารในรอบปีนี้ บอกเราได้เรื่องหนึ่งว่า “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงในเชิงอำนาจ” ได้เกิดขึ้นแล้ว
เปลี่ยนแปลงอะไร! เปลี่ยนแปลงอย่างไร....ผมจะคลี่ขุมกำลังแห่งอำนาจให้เห็นในเชิงประจักษ์ ณ บัดนาว!
10 ก.ย.2565 ราชกิจจานุเบกษา โปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ 765 นาย โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษานายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ (ตท.24) รองปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตเลขานุการของ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. เป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ (ตท.22) รอง ผบ.ทอ. เป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.นุชิต ศรีบุญส่ง ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม เป็น รองปลัดกลาโหม
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท .24) หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการ “อดีตผบ.พล.ร.1” นายทหารคนสนิท พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น รอง ผบ.ทสส. รอคิวขึ้น ผบ.ทสส.
พล.อ.ศิราวุธ วงศ์ขันตี ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศเป็นรองผบ.สูงสุด พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ รองเสนาธิการทหาร เป็น รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา (ตท.22) ผบ.คปอ. เป็น รอง ผบ.ทสส.
พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง (ตท.24) รองเสนาธิการทหาร เป็น เสนาธิการทหาร
พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ (ตท.21) แม่ทัพภาคที่ 3 พ้นจากกองทัพบก โยกมาเป็น รองเสนาธิการทหาร พล.ท.อนุสรรค์ คุ้มอักษร (ตท.23) รอง ผบ.นทพ. เป็น ผบ.นทพ.
ในส่วนของกองทัพบก พล.อ.เจริญชัย สินเธาว์ (ตท.23) ผู้ช่วย ผบ.ทบ.อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 น้องรัก พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขยับขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ รอคิวรอบหน้าถ้าฟ้าฝนเป็นใจ “บิ้กต่อ” จะก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ผบ.ทบ. เมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เกษียณอายุราชการในปี 2566
พล.ท. เกรียงไกร ศรีรักษ์ มทภ.4 ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง (ตท.23) มทภ.1 สายตรง พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. 1 น 5 เสือ ทบ.
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกแรกใน ทบ.คือ การที่ พล.ท.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ (ตท.24) เจ้ากรมยุทธการทหารบก ขึ้นเป็น เสธ.ทบ. ทำเอานายทหารต่างอ้าปากค้าง เพราะไม่เคยปรากฏมาก่อนจะมี “เจ้ากรมยุทธการทหารบก” ก้าวขึ้นพรวดในตำแหน่ง 5 เสือทบ. และเป็นผอ.กอ.รมน.โดยตำแหน่ง แม้แต่ “บ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาควณิชย์ ยังต้องเปลี่ยนตำแหน่งอีก 3 รอบ จึงสามารถก้าวขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
สายลมแห่งการเปลี่นแปลงลูกที่สอง อยู่ที่กองทัพภาคที่ 1 ที่พลิกความคาดหมายหลายคน เพราะมีการจัดทัพปรับรุ่นรัดกุมเพื่อรองรับการปรับย้ายครั้งต่อไป ที่ดุเดือดมาก คือ พล.ท.ธราพงษ์ มาละคำ (ตท.24) แม่ทัพน้อยที่ 1 อดีต ผบ.พล.ร.2 “ทหารสายบูรพาพยัคฆ์” น้องรัก พล.อ.ประวิตร ตัวเต็ง ”แม่ทัพภาคที่ 1” ถูกโยกออกนอกไลน์ ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษ กองทัพบก กินอัตรา พลเอก...!
พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) รอง มทภ.1 นายทหารสายคอเขียวที่เพิ่งสวมเสื้อคอแดงหมาดๆ “ทหารสายตรง บิ๊กบี้-พล.อ.ณรงค์พันธ์ สายตรงบิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ “ ก้าวขึ้นแบบพรวดพราด เป็น แม่ทัพภาคที่ 1
นอกจากนี้ยังมีการขยับ 2 สตาร์นายทหารใหญ่ที่คุมกองกำลังหลักในเมืองหลวงและฝั่งตะวันออก “พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ” ( ตท. 28 ) ผบ.พล.1 รอ. “ทหารเสือราชินี” ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1
พล.ต.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) ผบ.พล.ร 2 รอ.”ทหารเสือราชินี” ขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1
พล.ต.ไกรภพ ไชยพันธ์ (ตท.24) ผบ.มทบ.14 ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เบียด พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล (ตท.27) ผบ.พล.ร.11 นายทหารสายตรงบิ๊กตู่ ที่ถูกโยกไปเป็น รองแม่ทัพน้อยที่ 1
ขณะที่ พล.ต.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ (ตท.26 ) รองแม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกต่อมา คือ การปรับเปลี่ยนผู้บัญชาการกองพลหลัก 3 กองพล ที่คุมกองกำลังล้อมพระนครอันเป็นเมืองหลวง (1 กองพลจะมีกำลังทหาร 11,200 นาย) ผบ.กองพลหลัก 3 กองพล รอบนี้ล้วนแล้แต่มาจาก เตรีทหารรุ่น 28) ที่เป็นนายทหารยังเติร์ก และสนิทสนม สนับสนุน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ทั้งสิ้น
โปรดกาชื่อไว้คนแรก.... พ.อ.ณัฐเดช จันทรางศุ รอง ผบ.พล.1 รอ. เป็น ผบ.พล.1 รอ. นี่คือผู้ดูแลกองกำลังหลักในเมืองหลวง
ทำไมตำแหน่งนี้จึงสำคัญ เพราะกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ถือเป็นส่วนกำลังรบหลักของกองทัพภาคที่ 1 ดูแลพื้นที่ชั้นใน เขตพระราชฐาน มีหน่วยกำลังขึ้นตรงได้แก่ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
กล่าวกันว่า นายทหารที่เติบโตจากสายนี้เรียกว่า “สายวงศ์เทวัญ” เพราะมีภารกิจสำคัญเป็นทหารรักษาพระองค์
อดีต ผบ.พล.1 รอ.อาทิเช่น พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ => ผบ.ร.11 รอ. => ผบ.พล.1 รอ. => เสธ.ทบ. => รมว.ทส. =>รมว.ศธ. => องคมนตรี
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา => ผบ.พล.1 รอ. => แม่ทัพภาคที่ 1 => ผู้ช่วย ผบ.ทบ. => รองผบ.ทสส. => รมว.ยุติธรรม => องคมนตรี
พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ => ผบ.พล.1 รอ. => แม่ทัพภาคที่ 1 => ผู้ช่วย ผบ.ทบ. => องคมนตรี
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ => ผบ.ร.11 รอ. => ผบ.พล.ร.11 => ผบ.พล.1 รอ. => แม่ทัพภาคที่ 1 => ผบ.ทบ.
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ => ผบ.ร.31 รอ. => ผบ.พล.1 รอ.=> แม่ทัพภาคที่ 1 => ผบ.ทบ.
คราวนี้โปรดกาชื่อไว้อีกคน...พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.มทบ.11 (ตท.28) ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.ชื่อเต็มคือ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี อำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ที่เป็นกองพลทหารราบยานเกราะเต็มรูปแบบ กองพลเดียวของไทยรับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งมีความเสี่ยงทางความมั่นคง ชายแดนไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
กองพล.ร.2 รอ.มีฉายา “กองกำลังบูรา” นายทหารที่ผ่านกองพลนี้เรียกว่า “นักรบบูรพา” หรือ “บูรพาพยัคฆ์” ตั้งแต่ยุค “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นต้นมา นายทหารที่ผ่านหน่วยนี้ ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ. หรือ ตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ และกระทรวงกลาโหมหลายคน
ตำนาน ผบ.พล.ร.2 รอ.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (2539-2540) => แม่ทัพภาคที่ 1 => ผบ.ทบ. => รองนายกฯ / รักษาการนายกฯ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (2545-2546) => แม่ทัพภาคที่ 1 => ผบ.ทบ. => รมว.มหาดไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (2546-2548) => แม่ทัพภาคที่ 1 => ผบ.ทบ. => นายกรัฐมนตรี
พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (2554-2556) => แม่ทัพภาคที่ 1 => ปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ (2559-2560) => แม่ทัพภาคที่ 1 => รองผบ.ทบ. (หนึ่งในแคนดิเดต ผบ.ทบ.)
พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง (2560-2561) => แม่ทัพภาคที่ 1 => ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (5 เสือ ทบ.)
พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ (2562-2563) => แม่ทัพน้อยที่ 1 => พลาดเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1
โปรดกาอีกชื่อไว้ นั่นคือ พ.อ.วุธยา จันทมาศ รองผบ.พล.ร.9 เป็น ผบ.พล.ร.9 หรือกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ลาดหญ้า กาญจนบุรี หน่วยทหารกล้าชื่อก้องฟ้าเมืองไทยนับตั้งแต่สงครามเวียดนาม
มีเพียง พ.อ.ปัญญา ตั้งความเพียร (ตท.27) รอง ผบ.พล.ร.2รอ.เป็น ผบ.มทบ.11
พล.ต.สุริยะ เอี่ยมสุโร (ตท 22) รอง มทภ.3 เป็น มทภ.3
พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค (ตท. 25) รองมทภ.4 อดีตผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 อดีตผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 25 ค่ายวิภาวดีรังสิต อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร.5) ขึ้นเป็น มทภ.4
ขุมกำลังนายทหารรอบนี้ล้วนแล้วแต่รายล้อมในสายตรง “บิ๊กแดง-อภิรัชต์ คงสมพงษ์” และขึ้นตรงกับ “บิ๊กบี้-พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” 2 เกลอหัวแข็งผู้สร้างตำนานนายทหารคอแดง “ฉก.ทม.รอ.” ขึ้นมาแทบทุกคน
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว อำนาจตรงในกองทัพของ “3 ป.”กำลังแปรเปลี่ยน