“พีระพันธุ์”บนจุดยืนที่มั่นคงแก้ก.ม.เพื่อความเป็นธรรมและเท่าเทียม

13 ก.ย. 2565 | 11:25 น.

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ บนจุดยืนที่มั่นคง“แก้กฎหมายเพื่อความเป็นธรรมและเท่าเทียม”

หลังจากประกาศตัวในฐานะหัวหน้าพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” พรรคการเมืองใหม่ที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ใครๆ รู้จักกันดีว่า เป็นมือกฎหมายอันดับต้นของประเทศ และยังคร่ำหวอดอยู่ในวงการเมืองมากว่า 30 ปี ก็เดินหน้าลุยงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการออกมารับเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ทราบข่าวว่า หลายเรื่องเดือดร้อนถูกคลี่คลายลงเมื่อเจ้าตัวลงมาทำงานด้วยตัวเอง  
   

ในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลเรื่องร้องเรียนของประชาชนผ่านศูนย์รับร้องเรียนของรัฐบาล 1111  “พีระพันธุ์”ก็ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการทำงานในทันทีเช่นกัน ในฐานะประธานคณะกรรมการคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ทำให้การช่วยเหลือประชาชนคลี่คลายไปแล้วหลายเคส แม้จะยังมีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่อีกจำนวนมากก็ตาม แต่ก็ยืนยันว่าจะพยายามแก้ไขให้ได้มากที่สุด โดยให้เหตุผลว่า   

“เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเท่ากันหมด เหมือนเราเมื่อมีความทุกข์แล้วแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ ก็อยากให้มีใครเข้ามาช่วยให้ปัญหาคลี่คลาย”    

 

“พีระพันธุ์” ยังระบุด้วยว่า การทำงานแบบถึงลูกถึงคนพบปะผู้เดือดร้อนด้วยตัวเองนั้น เป็นสไตล์การทำงานตามบุคลิกของคน ไม่ใช่สักแค่เพียงการแก้ปัญหาให้จบๆ ไป การทำงานแบบนี้นอกจากจะช่วยให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจว่า เรื่องร้องเรียนของพวกเขาผู้ใหญ่ในบ้านเมืองใส่ใจดำเนินการให้จริงจังแล้ว ยังทำให้ตนสามารถรับรู้และเข้าใจปัญหาได้โดยตรง สามารถแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง ที่สำคัญคือ สามารถนำข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ได้รับมากำหนดเป็นนโยบายได้ต่อไป   

นอกจากนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ประกาศแนวนโยบายการทำงานว่ามีเป้าหมายหลักคือการ “แก้กฎหมายที่ไม่ชัดเจนจนสร้างความไม่เป็นธรรมและเป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตของประชาชน”  แล้ว  “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ยังลุยทำงานต่อเนื่อง โดยไม่สนกระแสข่าวการเมืองต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา และยังลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนหลากหลายกลุ่ม พร้อมหาทางช่วยแก้ความเดือดร้อนจากเรื่องร้องเรียน โดยมีสมาชิกพรรคที่มีแนวความคิดเดียวกันคอยสนับสนุนและช่วยประสานงานอย่างเต็มที่   
 


หากจะถามถึงปัญหาที่มองเห็นตลอดระยะเวลาที่ทำงานให้กับบ้านเมืองมากกว่า 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีต่างๆ เป็นต้น “พีระพันธุ์” บอกว่า ส่วนใหญ่ปัญหาอุปสรรคของทุกเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจมาจากกฎหมายที่ไม่ทันยุคทันสมัย 


ที่สำคัญคือ เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อความสะดวกแก่ภาครัฐ และเพื่อการควบคุมประชาชนไปทุกเรื่อง กฎหมายแบบนี้ใช้ไม่ได้แล้วในสถานการณ์ปัจจุบันที่ภาคเอกชนนำภาครัฐในการพัฒนาประเทศ ต้องรีบยกเลิก แก้ไข และออกกฎหมายใหม่ๆ แทนกฎหมายล่าสมัยเหล่านี้ทันที 


ประเทศที่เป็นตัวอย่างในการพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญอย่างรวดเร็วทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ฯลฯ ด้วยการแก้ไขกฎหมายแบบล้างบางเลย คือ ประเทศสิงคโปร์ ที่เริ่มต้นดำเนินการทันทีภายหลัง ลี กวน ยู นักกฎหมายหนุ่มก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2502 จนสามารถพลิกประเทศสิงคโปร์จากสลัมมาเป็นประเทศชั้นนำของโลกภายในเวลาไม่กี่สิบปีเท่านั้น 

                                “พีระพันธุ์”บนจุดยืนที่มั่นคงแก้ก.ม.เพื่อความเป็นธรรมและเท่าเทียม
และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” วางนโยบายสำคัญของพรรค อยู่ที่การเสนอแก้ไขสารพัดกฎหมายที่มีปัญหาและเตรียมการออกกฎหมายใหม่ๆ ให้กับคนไทย  
 
“ทุกอย่างอยู่ที่กฎหมาย เพราะทุกประเทศในโลกต้องใช้กฎหมายในการบริหารและพัฒนาประเทศ กฎหมาย คือเครื่องมือหรือโครงข่ายหลักทางสังคมที่จะทำให้ประเทศเจริญหรือไม่เจริญ เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี ประชาชนจะทำมาหากินได้สะดวกหรือไม่อยู่ที่กฎหมายของบ้านเมืองนั้นจริงๆ ไม่ใช่ผมเป็นนักกฎหมายแล้วบ้ากฎหมาย แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่านักเศรษฐศาสตร์กี่คนหรือกี่ทีม จะคิดอะไรออกมาแต่ถ้ากฎหมายไม่เปิดช่องหรือเป็นอุปสรรค สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เราเลือกตั้งกี่ครั้งมีทีมเศรษฐกิจมาแล้วกี่ทีม สุดท้ายเหมือนเดิม ไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะทีมเศรษฐกิจสักกี่ทีมแต่กฎหมายเดิม ๆ หลักเกณฑ์เดิม ๆ ควบคุมประชาชนเหมือนเดิม แล้วจะพัฒนากันได้อย่างไร” พีระพันธุ์ ย้ำ 


 “ผมเชื่อว่าถ้าเราปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคหลายอย่าง จะทำให้สังคม และการประกอบกิจการต่างๆ ไปได้ดี สำคัญคือคนเขียนกฎหมายต้องเข้าใจปัญหา และต้องไม่เขียนกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือภาครัฐ แต่ต้องเขียนเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง” เป็นเนื้อหาตอนหนึ่งที่เจ้าตัวเคยกล่าวไว้ในระหว่างการพบปะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ในการประชุมรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน  

 

เมื่อถามถึงสิ่งที่มองเห็นชัดเจนที่สุดจากการทำงานกับประชาชน “พีระพันธุ์” ตอบโดยไม่ลังเลว่า คือ เรื่องปัญหาปากท้อง การทำมาหากิน และความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม นี่คือเศรษฐกิจที่แท้จริงของคนหมู่มาก ไม่ใช่เศรษฐกิจของเจ้าสัว หรือนักลงทุนขนาดใหญ่ที่มีไม่กี่ราย  


แต่แปลกที่ผ่านมาการแก้ไขกลับไปไม่ถูกจุด เพราะหลายครั้งเมื่อพูดถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์มักจะไปพูดถึงเรื่อง “ทีมเศรษฐกิจ” ที่ดูเหมือนจะใหญ่เกินจะแก้ปัญหาที่แท้จริงที่คนไทยเผชิญอยู่ทุกวัน เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่คนไทยต้องการ คือ โอกาสในการแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิต และการทำมาหากินในแต่ละวันที่เท่าเทียมกับนักลงทุน หรือ นักธุรกิจใหญ่ๆ เท่านั้น ทำไมนักธุรกิจใหญ่ประสบปัญหามีกฎหมายเอื้อประโยชน์ผ่อนสั้นผ่อนยาวได้สารพัด แต่พอเป็นธุรกิจเล็กๆ ธุรกิจส่วนตัว ชาวบ้านครธรรมดา ๆ หนทางช่างยากลำบาก นี่คือความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทีนมทางกฎหมาย 


หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อธิบายต่อว่า นอกจากเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านทั่วไปที่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำมาหากิน หรือ การดำรงชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ไม่ชัดเจนและไม่เป็นธรรมแล้ว ยังมีชาวบ้านคนธรรมดาที่พยายามก่อร่างสร้างตัว สร้างกิจการ สร้างธุรกิจ แต่เต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งจากการทำธุรกิจ และการไม่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากภาครัฐ เพราะไม่มีกฎหมายเอื้อให้ชาวบ้านคนธรรมดาเหล่านี้เลย  


แหล่งเงินทุนก็หายาก กู้ก็ดอกเบี้ยแพงกว่าธุรกิจใหญ่ๆ มีปัญหาธุรกิจก็ไม่มีกฎหมายให้ผ่อนสั้นผ่อนยาวได้เหมือนธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ละคนต้องต่อสู้ปากกัดตีนถีบดิ้นรนกันเอง ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านคนธรรมดาเหล่านนี้มีจำนวนมากกว่าและเป็นฐานทางเศรษฐกิจที่มีจำนวนมากกว่ากิจการใหญ่ ๆ ด้วยซ้ำ  


 
“ปัญหาของคนไทยที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ก็มาจากกฎหมายที่มีปัญหาจนสร้างความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม  ความรู้สึกว่าถูกรังแก ถูกปิดกั้นโอกาส ถ้าเราแก้ไขให้ตรงจุด ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งในแง่เศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทำให้สังคมหันมาใส่ใจกันละกัน คนมีโอกาสสูงช่วยเหลือคนที่มีโอกาสน้อยกว่า ปัญหาเหล่านี้จบไปไม่ใช่แต่เพียงแก้ปัญหาในเรื่องของการดำรงชีวิตของชาวบ้าน แต่เป็นปัญหาความแตกสามัคคีความไม่ปรองดองได้ด้วย ถ้าทำความถูกต้อง ความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นมาได้สิ่งเหล่านี้ก็จะหมดไปด้วย” 


ทั้งหมดคือ จุดยืนเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอด 30 ปี บนเส้นทางการเมืองของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่หลายคนยกย่องให้เป็น “มือกฎหมายระดับเทพของประเทศ”ด้วยผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนไทยมาแล้วนับไม่ถ้วน    

 

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “รวมไทยสร้างชาติ” เป็นอีกหนึ่งความหวังของคนไทย ที่ต้องการมองเห็นสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น ตามแนวทางการทำงานของพรรคการเมืองใหม่ที่กำลังเนื้อหอมอยู่ในขณะนี้