ศาลรธน. 2 เดือน ชี้ชะตา“บิ๊กตู่” รอด-ไม่รอดนายกฯ 8 ปี

28 ส.ค. 2565 | 06:25 น.

ศาลรธน. 2 เดือน ชี้ชะตา“บิ๊กตู่” รอด-ไม่รอดนายกฯ 8 ปี :คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย... ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3811 ระหว่างวันที่ 28-31 ส.ค.2565 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย


*** มติของคณะ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ที่ออกมาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2565 “รับคำร้อง” ไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณี “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่

 

โดยศาลเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (9) จึงมีมติเอกฉันท์ (9 เสียง)  รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

*** ขณะที่คำขอของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ขอให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยนั้น ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสาร ประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง “ปรากฏเหตุอันควรสงสัย” ว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4  ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย


*** สำหรับมติของที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้นายกฯ หยุดปฏบัติหน้าที่นั้น แบ่งเป็น เสียงข้างมาก 5 ราย เห็นชอบให้ “หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” ได้แก่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ นายจิรนิติ หะวานนท์ รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา นายวิรุฬห์ แสงเทียน รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และ นายนภดล เทพพิทักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ

 

ส่วนฝ่ายเสียงข้างน้อย 4 เสียง ที่เห็นว่าไม่ควรให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับเลือกมาโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด นายปัญญา อุดชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์

*** ยกแรก “ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งให้ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไว้ก่อน ส่วนจะหยุดเป็นการชั่วคราว หรือหยุดถาวร ก็ต้องรอลุ้นคำวินิจฉัยของ “9 อรหันต์ศาลรธน.” ใน “ยกที่สอง” ที่คาดว่าน่าจะรู้ผลภายในเดือน “กันยายน” นี้ หรือไม่ก็เดือน “ตุลาคม” เต็มที่ใช้เวลา 2 เดือน เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่ไม่ต้องสืบพยานอะไรมากเหมือนกับ คดีถือหุ้นสื่อของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ตอนนั้นใช้เวลา 6 เดือน 

 

*** ทีนี้มาดูว่า “บิ๊กตู่” มีโอกาสที่จะกลับมานั่งในตำแหน่ง “นายกฯ” เต็มตัวอีกครั้งหรือไม่ ในการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 23 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ในที่ประชุม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้อธิบายเกี่ยวกับประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ  8 ปี ให้ที่ประชุมฟังว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีแล้วหรือยัง เพราะศาลมี 3 แนวทาง ไม่นอกเหนือจากนี้ คือ 1.นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือ 24 ส.ค.2557 2.นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ คือ วันที่ 6 เม.ย.2560 และ 3.นับตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ  ตามรัฐธรรมนูญ 2560 คือ วันที่ 9 มิ.ย.2562 

 

*** แต่ศาลอาจวินิจฉัยเพียงว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ถามเฉพาะประเด็นนี้ โดยไม่จำเป็นต้องระบุว่า ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี เมื่อไร หากมีใครสงสัยประเด็นนี้ก็ค่อยไปยื่นให้ศาลวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ พร้อมอธิบายด้วยว่า สาระสำคัญเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง “นายกฯ 8 ปี” อยู่ในมาตรา 158 วรรคสี่ รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปี มิได้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่...” แต่การที่จะนับเวลาตามวรรคสี่ ต้องไปดูที่มาตามวรรคหนึ่ง ทำให้บรรดารัฐมนตรีหลายคนตีความไปในทิศทางเดียวกันว่าการวินิจฉัยจะเป็น “บวก” ต่อ พล.อ.ประยุทธ์

 

...สำหรับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคหนึ่งระบุว่า “พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบกันเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน” …นี่คือการหารือกันในที่ประชุม ครม. ส่วน “บิ๊กตู่” จะได้ “ไปต่อ” หรือ “จบเพียงแค่นี้" กับตำแหน่งนายกฯ  มารอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกัน 

 

*** ผลจากการสั่งให้ “บิ๊กตู่” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ทำให้ พี่ใหญ่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อันดับ 1 เป็น “รักษาการนายกฯ” ซึ่ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาอธิบายว่า พล.อ.ประวิตร มีอำนาจเต็ม “เคยเกิดขึ้นในอดีต เหมือนนายกฯ ลาไปเมืองนอก หรือป่วย ก็จะถือว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็น รมว.กลาโหม อยู่อีกตำแหน่งหนึ่ง และเมื่อนับจำนวนครม.แล้วก็ยังไม่เกิน 36 คน พล.อ.ประยุทธ์ จึงยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหมได้” 


*** เมื่อถูกถามว่า “รักษาการนายกฯ” มีอำนาจเต็มในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า “เหมือนกับนายกรัฐมนตรีทุกอย่าง” ส่วนนายกฯรักษาการมีอำนาจในการยุบสภาหรือไม่ นายวิษณุ ก็ตอบว่า “ทำได้ แต่จะไปทำทำไม ทำได้เหมือนายกรัฐมนตรีทุกอย่าง” ส่วนหากยุบสภาจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในกี่วันนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า 45-60 วัน


*** ไปปิดท้ายกันที่ เองเกลเบิร์ต ฮัมเพอร์ดิงค์ สุดยอดนักร้องเพลงป็อประดับโลก เจ้าของบทเพลงรักคลาสสิคอย่าง Release Me (And Let Me Love Again) ซึ่งได้เดินทางมาโชว์คอนเสิร์ต “The Legendary Engelbert Humperdinck in Hua Hin” ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท เมื่อวันก่อน โดยก่อนจะขึ้นโชว์พลังเสียงบนเวที ได้โอกาสชิม “ห่อหมกคุณย่า” สูตรโบราณของ คุณย่าจรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ ที่ห้องอาหารจรัส โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ซึ่งเป็นเมนูอาหารไทยที่ถูกปากที่สุดในการเดินทางมาครั้งนี้ “ห่อหมกคุณย่า” ก็อาจจะถือได้ว่าเป็น Soft Power ของประเทศไทยได้เหมือนกัน...