ควันหลงศึกซักฟอก! ป.ป.ช.ตั้งวอร์รูม ตามติดปมไลน์แจกกล้วย

26 ก.ค. 2565 | 06:04 น.

"นิวัติไชย"” เผย ป.ป.ช.ตั้งวอร์รูมติดตามศึกซักฟอก พร้อม ติดตามปมไลน์ส.ส.พรรคเล็กหลุด ยันไม่เหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อน ระบุ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจยุบพรรค โยนกกต. ดำเนินการ

วันที่ 26 ก.ค.2565  นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบกรณีไลน์หลุด ประเด็นส.ส.กลุ่มพรรคเล็กรับเงิน ว่า ขณะนี้ทางป.ป.ช. ได้ให้สำนักการข่าวและกิจการพิเศษรวบรวมข้อมูลอยู่

 

ปกติจะรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. ตั้งแต่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีการตั้งวอร์รูมอยู่เพื่อเฝ้าติดตามรับฟัง ว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นใดบ้าง

 

รวมทั้งมีกระแสข่าวที่มีความต่อเนื่อง เช่น กรณีที่มีสลิปการโอนเงินหลุดออกมาจนทำให้สื่อมวลชนสนใจ เราก็มีการมอนิเตอร์อยู่ และรวบรวมข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ หากถามว่าจะมีการเสนอคณะกรรมการป.ป.ช. ได้เมื่อไหร่นั้น ก็ต้องรอดูรายละเอียดข้อเท็จจริงที่จะต้องรวบรวมมาว่าจะต้องครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.หรือไม่

 

ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. เราก็จะเสนอคณะกรรมการป.ป.ช. ถ้ามีคนมาร้องเรียนเราก็จะหยิบหยกเรื่องนี้มารวมกัน แต่ถ้าไม่มีคนมาร้องเรียนคณะกรรมการป.ป.ช. ก็สามารถยกเหตุที่สงสัยขึ้นเพื่อดำเนินการสืบสวนต่อไปได้
 

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯป.ป.ช.

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวป.ป.ช. สามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอคนมาร้องใช่หรือไม่ เลขาฯป.ป.ช.ตอบว่าต้องดูก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ฟังจากข่าวเป็นการยืมเงิน เราก็ต้องไปดูว่าเป็นการยืมเงินจริงหรือไม่ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นการยืมเงินจริง เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะทุกคนสามารถมีสิทธิ์ในการกู้ยืมเงินได้

 

ในกรณีที่มีความจำเป็น แต่หากไม่ใช่เรื่องการกู้ยืมเป็นเรื่องของการให้ ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่ง หากเป็นเรื่องการให้ก็ต้องไปดูว่าให้เพราะสืบเนื่องจากอะไร ถ้าให้เฉยๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องไปดูกรอบกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการรับทรัพย์สินเกินกว่า 3,000 บาท เพราะคณะกรรมการป.ป.ช. ประกาศและทางสมาชิกสภาฯ ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายนี้

 

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า หากจะรับเงินเกินกว่า 3,000 บาท ต้องรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบและอนุญาตเพื่อถือครองทรัพย์สินนั้นได้ แต่ถ้าเกิดเป็นการให้เพื่อจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ อาจจะเป็นกรณีการรับหรือมีการเรียกรับไว้เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่ง ก็ต้องไปดูว่าตำแหน่งในสมาชิกสภาฯ มีหน้าที่อะไร ซึ่งก็มีหน้าที่ในการลงคะแนนเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หรือมีหน้าที่ในการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายต่างๆ

 

ดังนั้น หากไปรับเงินโดยมีมูลเหตุจูงใจ ก็อาจจะต้องเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ได้ ซึ่งต้องดูเป็นกรณีไปนอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งก็ต้องพิจารณาดูอีกครั้ง ส่วนข้อเท็จจริงตอนนี้เท่าที่ทราบเป็นการยืมเงินเฉยๆ หากเป็นการยืมเงินเฉยๆ ก็ยังไม่ต้องหยิบยกอะไรมาพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามว่า แชทไลน์หลุดถือเป็นหลักฐานหรือไม่ เลขาฯป.ป.ช.ตอบว่า ถือเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาได้ แต่ทั้งนี้เราต้องมีการรวบรวมประเด็นในการพิจารณาก่อน ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบว่าเป็นการกู้ยืมหรือการให้อย่างไรก็ตาม เราต้องเคลียร์ประเด็นนี้ก่อน

 

เมื่อถามว่า กรณีที่สังคมมองว่าคดีนี้ ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อน หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า คงไม่เหมือนกัน เพราะคดีนั้นมีการวินิจฉัยที่ชัดเจนแล้ว ฉะนั้น บรรทัดฐานในเรื่องนี้ต่างกัน เรื่องการยืมนาฬิกาเพื่อนก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องการให้ มันแตกต่างกัน

 

ถามย้ำว่า กลุ่มพรรคเล็กชี้แจงยืนยันประเด็นไลน์หลุดว่าเป็นการยืมเงินกันนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า การให้มีหลายแบบ เช่น การให้แบบให้ไปเลย ให้รถยนต์ ให้เงิน แต่หากให้กู้ก็จะมีเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนมา ส่วนนี้จะเป็นไปเพื่อประโยช์ทางพาณิชย์หรือประโยชน์ของตัวผู้ให้กู้และตัวผู้กู้เอง ซึ่งจะต้องมีการตกลงเป็นข้อสัญญา ซึ่งก็แล้วแต่กรณีต้องมีการแยกแยะให้ชัดเจนก่อน จะมาเหมารวมไม่ได้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกรณีผิดทั้งผู้ให้และผู้รับจะเป็นอย่างไร เลขาฯป.ป.ช.ตอบว่า ปัญหามีอยู่ว่าผู้ให้ ให้เพื่ออะไร เช่น ให้เพื่อจูงใจเพื่อให้เขาปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติในหน้าที่แบบนี้ ผู้ให้ถือว่าผิด ถือเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งในหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

ผู้ให้ถือว่าผิดเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง มีมูลเหตุจูงใจว่าจะให้เขากระทำอะไร เช่น เพื่อให้เขาออกใบอนุญาตให้ ซึ่งแบบนี้ก็จะผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่ความผิดจะแตกต่างกันเพราะใช้กฎหมายคนละมาตรา

 

ถามต่อว่า เรื่องดังกล่าวจะนำไปสู่การขยายผลเพื่อยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่ นายนิวัติไชย ตนไม่ขอก้าวล่วงไป ถึงเรื่องยุบพรรค เพราะไม่ใช้อำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. แต่ความผิดทุกอย่าง ถ้าป.ป.ช.วินิจฉัยแล้ว ก็จะส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นต้น เพื่อให้เขารู้เป็นฐานข้อมูล

 

ส่วนการดำเนินการจะเป็นอย่างไร ก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของกกต. ถ้าผลถึงขนาดนั้น แต่วันนี้ผลยังไม่ถึงขนาดนั้น