ก้าวไกล ซัด 13 ปี มหากาพย์ค่าโง่ GT200 ก๊วนประวิตร รับงานกองทัพต่อ 8,000 ล้าน

20 ก.ค. 2565 | 14:19 น.

"จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์" พรคคก้าวไกล ซัด 13 ปี มหากาพย์ค่าโง่ GT200 สาวไปไม่ถึงคนอนุมัติ เเฉก๊วนประวิตร รับงานกองทัพต่อ 8,000 ล้าน

อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 2  นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด GT-200 ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง โดยคดีนี้ เกิดขึ้นในช่วง 2549-2552 จากการจัดซื้อ จัดจ้าง เครื่องค้นหาวัตถุระเบิดและสารเสพติดต่างๆ ที่ต่อมาถูกระบุว่าไร้คุณภาพ

นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไป เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยอัยการศาลทหารกรุงเทพ ยื่นฟ้องทหารจำนวน 22 คน ในข้อหาว่ากระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่กองทัพบกสั่งซื้อ GT-200 เป็นจำนวน 12 สัญญา ทั้งหมด 757 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 682,600,000 บาท  

โดย ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดทหารทั้ง 22 นาย แต่กลับชี้ไปไม่ถึงผู้มีส่วนสำคัญในการอนุมัติ ทั้งที่ GT-200 เกือบทั้งหมด ถูกอนุมัติสั่งซื้อโดย พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. ขณะนั้น ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขณะนั้น

 

นายจิรัฏฐ์ ระบุถึงการซื้อแต่ละครั้งว่า การซื้อครั้งที่ 3, 11 และ 12 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะ ผบ.ทบ. เป็นผู้เซ็นอนุมัติซื้อด้วยตัวเอง การซื้อครั้งที่ 2, 3, 6, 7, 8 และ 11 ซึ่งเป็นวงเงินไม่เกิน 40 ล้านบาท อยู่ในอำนาจอนุมัติของ ผบ.ทบ. ก็พบว่ามีผู้ช่วย ผบ.ทบ. หรือ เสธ.ทบ. เป็นผู้เซ็นอนุมัติโดยรับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ 

 

โดยการสั่งซื้อครั้งที่ 11 พบว่า เสธ.ทบ. ผู้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. ให้เซ็นอนุมัติซื้อ มีชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วน พล.อ.ประวิตร ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม มีลายเซ็นอนุมัติสั่งซื้อในครั้งที่ 9, 10 และ 12 ซึ่งมีวงเงินเกิน 50 ล้านบาท เอกสารนี้เป็นเอกสารในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้ง 12 สัญญา ซึ่ง ป.ป.ช. ถืออยู่มา 10 ปีแล้ว คำถามคือทำไมชื่อเหล่านี้หายไป

 

จิรัฏฐ์ ยังยืนยันว่า คดีนี้มองมุมไหนก็ส่อเค้าทุจริตและ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประวิตร ต้องรับผิดชอบด้วย แต่สาเหตุที่ไม่สามารถนำไปสู่การชี้มูลความผิดได้ เพราะ ป.ป.ช. ซึ่งรู้กันว่ามีที่มาเกี่ยวของกับการรัฐประหารเพิกเฉยในการทำหน้าที่จึงไม่สามารถไปสู่การดำเนินคดีต่อได้

 

นอกจากกรณีที่คนเซ็นอนุมัติไม่ต้องรับผิดชอบ ภายหลังการรัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ การหาความจริงในคดีนี้จากหน่วยงานตรวจยิ่งหายไป ขณะที่เมื่อหันไปดูฝั่งผู้ขาย คือ Avia Satcom ซึ่งขาย GT-200 ให้กับทุกหน่วยงานในกองทัพ รวมถึงกองทัพบกที่อ้างมาตลอดว่าโดนหลอก พบว่ากว่าจะดำเนินคดีได้ ใช้เวลาคิดอยู่ 7 ปี

 

โดยเพิ่งจะยื่นฟ้องเมื่อปี 60 คดีถึงที่สิ้นสุดในปี 65 ศาลปกครองลงโทษให้กรรมการหนึ่งคนของ เอวิเอ แซทคอม ต้องชดใช้เงิน 683 ล้านพร้อมดอกเบี้ย แต่ต่อมาศาลได้ให้ประกันตัวและได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่อังกฤษนานแล้วจึงไม่รู้ว่าถึงชนะจะได้เงินคืนหรือไม่

 

จิรัฏฐ์ ให้ข้อมูลอีกว่า แม้กองทัพจะอ้างว่าโดน Avia Satcom หลอก แต่หลังการรัฐประหาร 57-65 บริษัทในพวกเดียวกันกับเครือ ยังคงได้รับงานจากกองทัพและกระทรวงกลาโหม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท และโครงการเกือบทั้งหมด เป็นการจัดซื้อจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษ ไม่มีการประมูลและสืบราคา

 

ข้อมูลพบว่า ประธานอาวุโสของ Avia Satcom เป็นคนสำคัญในการรัฐประหาร 49 และเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร ด้วย