ศาลยกฟ้อง "คุณหญิงกอแก้ว" กับพวกปลอมลายเซ็นโอนหุ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท

05 ก.ค. 2565 | 09:40 น.

ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง "คุณหญิงกอแก้ว" พร้อมพวกถูกกล่าวหาใช้เอกสารปลอมโอนหุ้นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ชี้ โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นการใช้เอกสารปลอม

5 กรกฎาคม 2565 รายงานข่าวจากศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เปิดเผยว่า วันนี้คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กับพวกพร้อมทนาย ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาในคดีปลอมแปลงเอกสารหุ้น หมายเลขดำ อ. 2497/2561 ที่ นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท KPN เป็นโจทก์ฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา, นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลาง และนายสุทัศน์ จิรจรัสพร เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐาน "ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ" มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ที่ห้องพิจารณาคดี 712

 

เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า พยานผู้เชี่ยวชาญทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยนำสืบทำนองเดียวกันว่า ลายมือชื่อของฝ่ายโจทก์ไม่ผิดแผกแตกต่างกันว่า เป็นลายมือปลอมหรือไม่ พยานโจทก์ที่นำสืบมีน้ำหนักน้อย น่าสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ที่ปรึกษากฎหมายคดีนี้กล่าวถึงเหตุผลที่ศาลยกฟ้องว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่สามารถรับฟังได้ว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม นอกจากนี้ศาลยังได้วินิจฉัยอีกว่า การลงทุนซื้อหุ้นวินด์ฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมนั้น นายณพได้เป็นผู้ดำเนินการและเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าหุ้นด้วยตนเอง โดยครอบครัวณรงค์เดชไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุน และไม่ได้มีการนำเครดิตของครอบครัวณรงค์เดช มาใช้ประกอบการขอสินเชื่อจากธนาคารแต่อย่างใด

 

อีกทั้งยังมีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า นายเกษม เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารต่าง ๆ ด้วยตนเองจำนวนหลายฉบับ ดังนั้น พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอรับฟังได้ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง

ศาลให้เหตุผลว่า เอกสารที่นายเกษม ณรงค์เดช อ้างว่ามีการปลอมนั้น เอกสารดังกล่าวได้เคยถูกส่งไปตรวจสอบมาก่อนในคดีที่คุณหญิงกอแก้วฯ แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.คลองตันว่า นายเกษมฯ ยักยอกหุ้นของคุณหญิงกอแก้วไปซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้ให้ความเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมแต่อย่างใด

 

ที่สำคัญจำเลยทั้งสามก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานศาลยุติธรรมมาเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวได้ตรวจสอบลายมือชื่อนายเกษมฯ แล้วลงความเห็นว่า ไม่ใช่ลายมือชื่อปลอม 

 

นอกจากนี้ จำเลยทั้งสามยังมีที่ปรึกษากฎหมายมาเบิกความเป็นพยานยืนยันอีกว่า ทนายความเป็นผู้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด และนายเกษม ต้องลงชื่อในเอกสารดังกล่าวหลายฉบับ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่นายเกษม เอง ได้ยอมรับว่า ตนเองได้ลงลายมือชือในเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์ จำนวนหลายฉบับ

 

หลังจากฟังการอ่านคำพิพากษาแล้ว คุณหญิงกอแก้ว ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมาเราถูกกล่าวหามาตลอดแต่ก็ไม่เคยออกมาตอบโต้แต่อย่างใดเพราะเชื่อมั่นในกระบวนการของศาลยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลซึ่งคำตัดสินของศาลในวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เราเป็นผู้บริสุทธิ์ ความจริงก็คือความจริง ตนเองไม่เคยเอาเปรียบหรือคดโกงใคร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลชั้นต้น ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูลเพียงพอให้ยกฟ้อง จากนั้นทางโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิจารณามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณา ด้านจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวไป ต่อมาทางพนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว กับพวก รวม 3 คนเป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐาน "ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม หุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง มูลค่านับหมื่นล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 264, 265, 268 และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ล่าสุดวันนี้ (5 ก.ค.65) ศาลได้พิจารณามีคำสั่งให้ "ยกฟ้อง"