“รัฐบาลประยุทธ์ 2” ซักฟอก 4 หนใครแชมป์!

17 มิ.ย. 2565 | 03:30 น.

ฝ่ายค้านเปิดยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ยื่นซักฟอกนายกฯ พ่วง 10 รมต.ทิ้งทวน เผย “รัฐบาลประยุทธ์ 2” รอบ 4 ปี อภิปราย 4 ครั้ง “บิ๊กตู่” อ่วมสุดเจอทุกครั้ง ตามด้วย “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก-อนุทิน-ศักดิ์สยาม-สุชาติ” เจอคนละ 3 ครั้ง

พรรคร่วมฝ่ายค้าน  7 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคไทยศรีวิไลย์ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านฯ พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เข้าชื่อ 182 คน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ(ซักฟอก) คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา


สำหรับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์จันทรโอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม 2.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข 4.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ 5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 

6.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม 7.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 8.นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 9.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง 10.นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย 11.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

 

ชู“เด็ดหัว สอยนั่งร้าน”


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การอภิปรายฯ ครั้งนี้ เป็นยุทธการ เด็ดหัวนายกฯ และนั่งร้านทั้ง 10 เราใช้ข้อกล่าวหาเป็นรายบุคคลอยู่แล้ว ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อกล่าวหาว่า ผิดพลาดบกพร่องล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญกฎหมาย มาตรฐานจริยธรรม ปล่อยปละละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ไม่ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายรัฐบาล

มีพฤติกรรมที่ปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายผู้เห็นต่าง ปล่อยปละละเลยให้มีการทำลายประชาธิปไตยระบบรัฐสภา มีภาวะผู้นำที่พิการทางสมอง แม้ว่าจะแรงพอสมควร แต่เป็นเรื่องของลักษณะความรู้ความสามารถ


ส่วนข้อกล่าวหาของ  นายจุรินทร์ เน้นเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริต เอื้อประโยชน์ให้มีการทุจริตต่อพวกพ้อง


นายอนุทิน ข้อกล่าวหาสำคัญคือ การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวผิดพลาดบกพร่อง สนับสนุนหรือทำให้เกิดกระบวนการทำลายการปกครองระบบรัฐสภา มีการใช้เงินให้ได้มาซึ่งอำนาจ 


พล.อ.ประวิตร จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เอื้อประโยชน์สนับสนุนให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ 


พล.อ.อนุพงษ์ ข้อกล่าวหาคือไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดล้มเหลว เอื้อประโยชน์ สนับสนุนให้มีทุจริต


นายศักดิ์สยาม ข้อกล่าวหาคือ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ นายชัยวุฒิ บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องร้ายแรง ทำให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงขาดมาตรฐานจริยธรรม ประพฤติปฏิบัติมิชอบ ในทางเสื่อมเสียศีลธรรมอันดี


นายจุติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลวไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน นายสุชาติ ข้อกล่าวหาคือไม่มีความซื่อสัตย์ เอื้อประโยชน์ แสวงหาประโยชน์ในหน้าที่


คาดซักฟอก 18-21 ก.ค.


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ช่วงเวลาการอภิปรายการพิจารณาร่างพพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ และร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ น่าจะพิจารณาแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 24 มิ.ย.นี้ หรืออย่างช้าไม่ควรเกินวันที่ 1 ก.ค. ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.


การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านอภิปรายรัฐมนตรีจำนวนน้อยกว่าการขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ ยังใช้เวลาการอภิปรายถึง 4 วัน ฉะนั้น ครั้งนี้น่าจะใช้เวลามากกว่าครั้งที่ผ่านมา


“การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นแน่นอน อย่างช้าที่สุดไม่เกิน 23 มี.ค.2566 แต่เรามั่นใจจะมีการเลือกตั้งเร็วกว่านั้น การอภิปรายครั้งนี้ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ 2 อย่าง คือ อาศัยมือในสภาเด็ดหัว สอยนั่งร้าน


มั่นใจว่ามีเสียงพอในการโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี และคาดหวังว่าในสนามเลือกตั้งเราจะตรวจสอบนั่งร้านเพื่อให้ประชาชนชี้ขาดวินิจฉัย เรามั่นใจในศรัทธาของประชาชน ถ้าไม่ตายในสภาก็ไปตายในการเลือกตั้ง” นพ.ชลน่าน กล่าว

                              “รัฐบาลประยุทธ์ 2” ซักฟอก 4 หนใครแชมป์!


"บิ๊กตู่"อ่วมสุดเจอซักฟอก 4 หน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 และมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ในเดือน ก.ค.2562 “รัฐบาลประยุทธ์ 2” ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากระบบเลือกตั้ง ในช่วง 4 ปี ได้ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจถึง 4 ครั้ง   


ในจำนวน 4 ครั้ง ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ เจอซักฟอกทั้ง 4 ครั้ง ตามด้วยรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก 3 ครั้ง มี 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ นายอนุทิน นายศักดิ์สยาม และ นายสุชาติ  


ส่วนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 ครั้ง มี 4 คน ประกอบด้วย นายจุรินทร์ นายชัยวุฒิ นายนิพนธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์


ด้านรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายฯ แค่ 1 ครั้ง มี 6 คน ประกอบด้วย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ

 


ธรรมนัส : รมต.ถูกซักฟอกน่าห่วงทุกคนยกเว้น “บิ๊กป้อม” 
 

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) กล่าวถึงการยื่นญัตติของฝ่ายค้านเพื่อขออภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคล ว่า พรรคเศรษฐกิจไทยมีความชัดเจนว่าเราจะดูสาระสำคัญที่ฝ่ายค้านนำเสนอ ถ้าทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง เราไม่สนับสนุนแน่นอน


ผู้สื่อข่าวถามว่าดูจากรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายใครน่าเป็นห่วงที่สุด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกคนดูน่าเป็นห่วงหมด ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะไม่ได้กำกับกระทรวงไหนเป็นหลัก


เมื่อถามว่ามองว่าการอภิปรายครั้งนี้รัฐบาลจะรอดหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า ในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีมาก่อน รู้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ก็น่าเป็นห่วง ตนประชุมสภาสิ่งที่ห่วงที่สุดคือ การเป็นส.ส. ท่านคือตัวแทนประชาชน จะทำอะไรให้คิดถึงประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ถ้าเป็นส.ส.แล้วไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ แต่ถูกบังคับให้ทำ ครั้งหน้าท่านก็ไม่ได้กลับมา


“ผมเล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2542 หน้าที่ของนักการเมืองคือทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ผมไม่เคยเห็นภาพการลงมติที่ต้องได้รับการส่งสัญญาณ ภาพที่ออกมาดูน่าเกลียด เพราะการลงมติเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ที่ต้องยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลักไม่ใช่ไม่ใช่รับฟังคำสั่งอย่างเดียว” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว


ส่วนการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตั้งธงแนวทางการโหวต และจะมีการกลับลำเหมือนกับการโหวตลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในการโหวตวาระแรกเรายังไม่เห็นสาระของงบประมาณ การจะไปคว่ำจึงไม่ใช่ แต่ต้องดูวาระ 2 และวาระ 3 ทั้งนี้ในชั้นกรรมาธิการจะดูว่างบไหนไม่จำเป็นก็ต้องตัด หากฝืนเราก็ไม่เห็นชอบในวาระ 2 และวาระ 3 


ดังนั้น จึงยังมีเวลาอยู่ ยืนยันว่า ตนไม่ได้ตั้งธงว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ จึงฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า สิ่งสำคัญในการแปรญัตติงบประมาณ คือการดูว่างบใดไม่สำคัญต้องตัดออก หากยังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าหวังว่าจะผ่านในวาระ 2 และวาระ 3