“ศิธา”ประกาศดันกทม. ศูนย์กลาง Digital economy นำร่องปลดล็อกกฎหมายล้าหลัง

25 เม.ย. 2565 | 06:48 น.

“ศิธา” ประกาศดัน กทม. ศูนย์กลาง Digital economy สร้างระบบรองรับคนรุ่นใหม่ Startup นำร่องปลดล็อกกฎหมาย-ใบอนุญาต อุปสรรคทำมาหากินประชาชน

 25 เม.ย. 2565 น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่า กทม. หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับคนรุ่นใหม่ กลุ่มสตาร์ทอัพด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ผลักดันสร้างกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพและดิจิทัลเทคโนโลยี สร้าง Ecosystem เพื่อให้คนไทยและคนทั่วโลกมาทำงานและอาศัยในกรุงเทพฯ เตรียมศูนย์บ่มเพาะ (Incubation center) และกองทุนสตาร์ทอัพ

 

หากประเทศไทยยังคงกำกับควบคุมและบังคับใช้กฎหมายที่ล้าหลัง อาจทำให้ประเทศเสียโอกาสจากการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะในภาคท่องเที่ยว ภาคธุรกิจ ซึ่งผูกโยงไปถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งที่ประเทศสามารถสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลได้จากคนที่ทำธุรกิจนี้ ซึ่งสามารถทำงานจากมุมใดก็ได้ในโลก

 

แต่กฎเกณฑ์ข้อบังคับกลับไม่เอื้อให้กลุ่มสตาร์ทอัพ กลุ่มเศรษฐกิจดิจิทัลสามารถเกิดและเติบโตในประเทศไทยได้ จนทำให้คนเหล่านี้ต้องไปเติบโตในต่างประเทศแทน เพราะประเทศต่างๆเหล่านั้นมีวิสัยทัศน์ มีความพร้อม ในการอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ จนสามารถสร้างเศรษฐกิจ สร้างผลประโยชน์ ให้กับประเทศนั้นๆ ได้มหาศาล

   น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่า กทม. ,คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

 

ดังนั้น ตนจะขอเป็นผู้ว่าฯกทม. คนแรกที่คิดต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ โดยจะสร้างระบบและปลดล็อคกฎเกณฑ์ เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดและเติบโตในเมืองไทยได้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งตนจะร่วมกับพี่น้องประชาชนในการผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางซึ่งจะนำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศ และจะทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะซบเซาให้ฟื้นกลับคืนมาได้

 

กรุงเทพฯ ภายใต้การบริหารของตนนั้น จะสนับสนุนคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะการสร้างสตาร์ทอัพและเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น โดยพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายที่จะสนับสนุนคนเหล่านี้ให้เข้าถึงแหล่งทุน กลไกต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงการปลดปล่อยประชาชนให้สามารถทำมาหากินได้ ด้วยการปลดล็อคและพักใบอนุญาต แขวนการบังคับใช้ไว้ชั่วคราว 3-5 ปี โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นอำนาจของ กทม. จะทำทันที ใช้พื้นที่ กทม. เป็นพื้นที่นำร่อง สร้าง “Bangkok legal sandbox” เพื่อให้คนกรุงเทพฯ สามารถกลับมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจไม่ต้องไปกังวลว่าจะต้องขอใบอนุญาตอย่างไร ขอใบอนุญาตได้ครบหรือไม่ จนอาจเป็นช่องทางให้เกิดการรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ได้ เช่น ในกลุ่มของผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก กลุ่มคราฟต์เบียร์ และในส่วนที่อยู่นอกเหนืออำนาจของ กทม. พรรคไทยสร้างไทยจะประสานงานในสภาและระดับรัฐบาลต่อไป

 

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่าพรรคไทยสร้างไทยให้ความสำคัญกับประชาชน “คนตัวเล็ก” ได้เข้าถึงแหล่งทุนอย่างในภาค SMEs กว่า 3 ล้านราย ซึ่งจ้างงานกว่า 13 ล้านคน สร้าง GDP ถึง 35% แต่เข้าถึงแหล่งทุนในระบบธนาคารเพียง 10% เท่านั้น พรรคไทยสร้างไทยจึงได้สร้าง “กองทุนSMEs” เพื่อให้ SMEs อีก 90% เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ

 

รวมทั้งกองทุนสตาร์ทอัพเพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสตั้งตัว กองทุนธุรกิจท่องเที่ยว ที่มีคนเกี่ยวข้องหลายสิบล้านคน อีกทั้งธุรกิจท่องเที่ยวยังสร้างรายได้ 15% ของ GDP กองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อโอกาสของเกษตรกรและลูกหลานเกษตรกรได้มีทุนทำธุรกิจบนพื้นที่และภูมิปัญญาของตัวเอง ทั้งการแปรรูปสินค้าการต่อยอดสินค้าชุมชน และที่สำคัญคือ “กองทุนคนตัวเล็ก” ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยให้พี่น้องสามารถตั้งตัวได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน