ยังไม่ขอออกหมายจับ"ปริญญ์" ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน

15 เม.ย. 2565 | 00:48 น.

พล.ต.ต.ไตรรงค์ รอง ผบช.น.เผยยังไม่ขอออกหมายจับ "ปริญญ์ พานิชภักดิ์ " ผู้ถูกกล่าวหา อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน

จากกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิดเลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุถึงกรณีมีผู้เสียหายถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคหนึ่งทำการลวนลามโดยไม่สมยอม หลอกลวงว่าจะพาผู้เสียหายไปพูดคุยเรื่องเศรษฐศาสตร์

 

แต่กลับพูดคุยเรื่องเพศ เรื่องลามกอนาจาร รวมถึงก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับหญิงไทยอายุ 18 ปี 2 คน ในประเทศอังกฤษ โดยมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ลุมพินี แล้วจำนวน 3 ราย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 15 เม.ย. 65)  ทนายตั้มเผยภาพและข้อความที่ระบุว่า เป็นห้องที่รองหัวหน้าพรรคใช้หลอกลวงเหยื่อทำเรื่องไม่ดี

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

 

ขณะที่  พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษรวม 3 ราย โดยแบ่งเป็น ผู้เสียหายอายุ 18 ปี ที่เข้าร้องเรียนกับนายษิทรา 1 ราย, ผู้เสียหายที่เหตุเกิดขึ้นในท้องที่ สภ.เมืองเพชรบุรี 1 ราย และผู้เสียหายที่เป็นภรรยาของไฮโซคนหนึ่ง เหตุเกิดในท้องที่ สน.ลุมพินี อีก 1 ราย


พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า กรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวนั้น ยังไม่ติดต่อพนักงานสอบสวนเพื่อขอเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงได้ตามสิทธิ

 

แต่ในทางคดี พนักงานสอบสวนจะทำการรวบรวมหลักฐานทางกฎหมาย ซึ่งคดีที่มีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถขอศาลออกหมายจับได้ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ยังไม่ได้ขอศาลออกหมายจับแต่อย่างใด

 

รอง ผบช.น. กล่าวต่อว่า ช่วงบ่ายวันนี้ ตนคาดว่าจะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีที่ สน.ลุมพินี ในประเด็นที่ได้ฝากให้ชุดสืบสวนสอบสวนดำเนินการ และความคืบหน้า 2 คดีที่เข้ามาร้องทุกข์เมื่อวานนี้
 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 เม.ย. 65 ) นายปริญญ์ ระบุถึงข้อกล่าวหาในคดีดังกล่าวว่า ตนรู้สึกช็อค และตกใจกับเรื่องที่เกิดทางโซเชียลมีเดีย ตนยืนยันความบริสุทธ์ใจ หลายข้อกล่าวหาเกิดขึ้น ตนขอปฏิเสธ และไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตนก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยตรงของตนแต่ก็กระทบกับการทำงานในหน้าที่ภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนมีตำแหน่งอยู่

 

“ผมรู้สึกรับผิดชอบในงานของผมที่กระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของผม ผมจึงตัดสินใจที่จะลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ให้กระทบกับงานของพรรคอีกด้วย” นายปริญญ์ กล่าว