ศรีสุวรรณ” จี้ทางหลวง.-มท.เอาผิด“บิ๊กป้อม-พปชร.

14 เม.ย. 2565 | 03:18 น.

ศรีสุวรรณ”จี้ทางหลวง ตรวจสอบป้ายอวยพรปีใหม่ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เหตุไม่ขออนุญาต พร้อมยื่นมท. ตรวจสอบการเสียภาษีป้ายให้ท้องถิ่นถูกต้องหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเปิดเผยว่า สมาคมฯได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมทางหลวงขอให้สั่งการไปยังผู้อำนวยการแขวงทางหลวงต่างๆทั่วประเทศ ให้ตรวจสอบป้ายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ บิ๊กป้อม หน.พรรคพลังประชารัฐที่ติดอวยพรปีใหม่ 2565 อยู่ตามเสาไฟฟ้าริมถนนสำคัญๆ ทั่วประเทศ หลังได้รับการยืนยันจากแขวงทางหลวงสระบุรีแล้วว่า “ไม่ได้ขออนุญาต”

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

ล่าสุดเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงหนองแค แขวงทางหลวงสระบุรี สำนักงานทางหลวงที่ 11 (ลพบุรี) ได้ทำการเก็บป้ายที่ไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่ ทล.1 ระหว่าง กม.95+000 – กม.103+000 เป็นช่วงๆ โดยมีป้ายอวยพรปีใหม่ ของ พล.อ.ประวิตร รวมอยู่ด้วย โดยอ้างว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่ใช้รถใช้ถนนสัญจรในบริเวณดังกล่าว

แต่ทว่าป้ายลักษณะดังกล่าว ไม่ได้มีแต่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดสระบุรีเท่านั้น แต่มีการติดกันในหลายพื้นที่ถนนสายหลัก ทั้งป้ายขนาดเล็กติดเสาไฟฟ้าและป้ายคัตเอ้าท์ขนาดใหญ่ ในบริเวณป้ายโฆษณาของเอกชน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ทางหลวง 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม 2549 จะต้องมีการขออนุญาตการติดตั้งจากผู้อำนวยการทางหลวงเสียก่อน

 

“เมื่อไม่ได้มีการขออนุญาต ย่อมเข้าข่ายความผิดตาม ม.38 วรรคสาม แห่งกฎหมายข้างต้น ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายศรีสุวรรณกล่าว

นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังทำหนังสือถึง รมว.มหาดไทย เพื่อสั่งการไปยังราชการส่วนท้องถิ่นต่างๆ ที่มีป้ายของพล.อ.ประวิตร ติดตั้งอยู่ให้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีป้ายด้วย เพราะป้ายที่ติดตั้งในพื้นที่รัฐและเอกชน โดยเฉพาะป้ายคัตเอ้าท์ขนาดใหญ่ จะต้องมีการขออนุญาตจากราชการส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ที่มีป้ายติดตั้งอยู่ด้วย พร้อมกับต้องเสียภาษีป้ายตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงเสียก่อนด้วย

 

หากฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท ตาม ม. 35 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีป้าย 2510 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหน้าที่ของ รมว.มหาดไทย ที่จะต้องสั่งการไปยังราชการส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีป้ายด้วย หากไม่ดำเนินการอาจเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.อ.157 ด้วย

 

ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตร เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีและ หน.พรรคการเมือง ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล การกระทำดังกล่าวโดยไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมนั้น อาจเข้าข่ายความผิดเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช.ในลำดับต่อไป