"สุดารัตน์" ลุยฝั่งธน เปิดตัว "ไสว โชติกะสุภา" ลงชิง ส.ก.

25 มี.ค. 2565 | 02:17 น.

"คุณหญิงสุดารัตน์" นำทัพไทยสร้างไทย ลุยฝั่งธนบุรี เปิดตัว อดีต ส.ก. 4 สมัย ‘ไสว โชติกะสุภา’ ลงชิงเขตราษฎร์บูรณะ ชูหลักนโยบาย ดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่

25 มี.ค. 2565  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายสุธา ชันแสง ประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ กทม. นำทัพคาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนชาวราษฎร์บูรณะ ที่ศูนย์ประสานงานพรรคราษฎร์บูรณะ

 

ได้มีการเปิดตัว แนะนำผู้สมัคร ส.ก.พรรคไทยสร้างไทย เขตราษฎร์บูรณะ “ไสว โชติกะสุภา” อดีตส.ก.เขตราษฎร์บูรณะต่อเนื่อง 4 สมัย มาเป็นตัวแทนรับใช้ประชาชนชาวราษฎร์บูรณะ
 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  เปิดตัว นายไสว โชติกะสุภา ชิง ส.ก.เขตราษฎร์บูรณะ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย มีความพร้อมเป็นอย่างมาก สำหรับศึกการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครที่จะมาถึงนี้ โดยในวันนี้ได้มาพบปะพี่น้องประชาชนชาวราษฎร์บูรณะ เพื่อขอจองหัวใจฝาก “นายไสว โชติกะสุภา” เข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีดีเอ็นเอพรรค ที่ “ทำงานจริงจัง ฟังเสียงประชาชน” เคยเป็น ส.ก. 4 สมัยต่อเนื่อง

 

และเคยเป็นรองประธานสภากทม.คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอดเป็นอย่างดี


“ไม่มียุคไหน สมัยไหน ที่ประชาชนตกต่ำและได้รับความลำบากมากขนาดนี้ เพราะจากการลงพื้นที่มาทั่วประเทศ ดิฉันได้รับรู้ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน รวมถึงเสียงแห่งความหวังจากการหลุดพ้นจาก”รัฐราชการอำนาจนิยม” ที่กดทับการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน

 

พรรคไทยสร้างไทยจึงเป็นภาระกิจสุดท้ายของ “สุดารัตน์” ในการนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ทวงเงินในกระเป๋ากลับคืนมา เพื่อให้คนไทย “รวยก่อนแก่” โดยมีหลักนโยบายดูแลตั้งแต่จนแก่” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
 

โดยเริ่มจากวัยเด็กที่พรรค ให้ความสำคัญกับการลงทุนกับเด็กนักเรียน เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพสูงสุด ผ่านการลดเวลาการศึกษา ให้เด็กสามารถจบออกมาทำมาหากินได้เร็วขึ้น ปรับโครงสร้างการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ และยกหนี้กองทุน กยศ. ทั้งหมด

 

เมื่อเข้าสู่วัยคนวัยทำงาน พรรคจะให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำได้ ด้วยนโยบายกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก เพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชนในการทำมาหากินได้

 

เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ พรรคมีนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ และเป็นการตอบแทนผู้สูงอายุที่ได้ทำงานหนักมาทั้งชีวิต เพื่อพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้ประโยชน์ถึง 4 อย่าง คือ

 

ผู้สูงอายุมีรายได้ยังชีพอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี สุขภาพแข็งแรง ลดภาระลูกหลาน เป็นกำลังซื้อมหาศาลให้กับเศรษฐกิจฐานราก ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยายตัวดีตามด้วย