พรรคร่วมฝ่ายค้านเขย่าขวัญ “บิ๊กตู่”เปิดสภา พ.ค.ยื่นญัตติซักฟอกทันที

13 มี.ค. 2565 | 05:19 น.

พรรคร่วมฝ่ายค้านรวมตัวเขย่าขวัญ “บิ๊กตู่” หมดเวลานายกฯ อยู่ในตำแหน่งเกิน 8 ปี ไม่ได้ จะครบ 8 ปี 23 ส.ค.นี้ จี้ยุบสภาฯ-ลาออก “ชูศักดิ์”ลั่นเปิดสภาเดือน พ.ค.ยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลทันที

วันนี้ (13 มี.ค.65) ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท มีการจัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 2565 ในหัวข้อ “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน” จัดโดยกลุ่มงานผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งว่า ขอบคุณพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคที่มาร่วมเวทีในวันนี้ ที่เปิดโอกาสให้ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้พบปะฟังความคิดความเห็นและข้อเสนอของพี่น้องประชาชน ในการทำหน้าที่แทนประชาชนเป็นผู้แทนประชาชนในสภาผู้แทนราษฎรในรัฐสภา 

โครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชนครั้งนี้ เราใช้ชื่อทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน หมดเวลานายกรัฐมนตรีก่อนหมดเวลาประเทศ เป็นการทวงคืนอำนาจของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่และบทบาทของผู้นำฝ่ายค้าน หน้าที่สำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายค้าน 

 

สิ่งที่เรารับรู้ว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ได้ใช้อำนาจพิเศษในการออกกฎหมายเอง นำมาบริหารเอง และตีความกฎหมายเอง นี่คือลักษณะของการเป็นอำนาจของคนกลุ่มหนึ่ง คณะหนึ่ง ที่ใช้กฎหมายขัดหรือแย้งต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยฯ

ทั้งที่อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการแยกกันอย่างชัดเจน มีการทำให้ฝ่ายรัฐบาลได้โอกาสได้เปรียบอยู่ตลอดเวลา แต่ฝ่ายค้านอย่างเราก็จะมีการตรวจสอบถ่วงดุลไปในทิศทางตรงกันข้าม วันนี้จึงเป็นกลไกหนึ่งที่พวกเราจะรับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชน มาฟังเสียงประชาชนที่แท้จริงที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง


“วันนี้เรามารับฟังความเห็น โดยมุมที่เราต้องการมากที่สุดคือ เราอยากให้พี่น้องประชาชนทวงคืนอำนาจของตัวเองในวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ซึ่งเรื่องนี้ในการตรวจสอบควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สิ่งที่ฝ่ายค้านเราต้องทำ ต้องชี้ให้เห็นได้ว่าคนที่ไม่มีคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ จึงต้องมารับฟังจากประชาชน พวกเราฝ่ายค้านเองเห็นว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่รวมกันเกิน 8 ปี ไม่ได้ หมดเวลาแล้ว”

                                 พรรคร่วมฝ่ายค้านเขย่าขวัญ “บิ๊กตู่”เปิดสภา พ.ค.ยื่นญัตติซักฟอกทันที

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เหตุที่เราบอกว่าหมดเวลานายกรัฐมนตรีก่อนที่ประเทศจะหมดเวลา คำพูดนี้ของเราจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้านายกรัฐมนตรีท่านนี้ รัฐบาลชุดนี้ ครม.ชุดนี้บริหารประเทศดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดียิ่ง ทุกคนมีความสุข เจอปัญหาแก้ได้ ไม่มีวาระวิกฤติ เราจะสนับสนุนให้เขาอยู่ในอำนาจจนครบวาระก็ได้ 


แต่ว่าสิ่งที่พวกเราประสบ และต้องพบคือ ความทุกข์ยากแสนสาหัสในทุกมิติ วิกฤติจากโรคระบาด รัฐบาลไม่เคยแสดงความสามารถในการแก้ไข เขายินยอมที่จะประกาศโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นในเดือน ก.ค.  


“ผมกำลังจะดูว่าเขาจะให้พวกเราใส่หน้ากากต่อไปหรือไม่ รัฐบาลนี้เก่งในแง่ที่ทำให้คนเท่าเทียมกันหมด ยุทธศาสตร์ชาติเขาคือ ปิดหน้าเท่าเทียมกัน จนกระทั่งทุกคนซื้อของแพงเท่าเทียมกัน เก่งมาก แต่เป็นการเก่งในทางลบและเป็นวิกฤติ หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะเพิ่มจากการที่รัฐบาลชุดนี้ก่อขึ้น จึงเป็นเหตุอันสมควรที่พวกเราต้องมาคุยกันเรื่องนี้”


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลายคนมองว่าทำไมพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงมีความเห็นขัดแย้ง และเห็นไม่ตรงกันหลายเรื่อง ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านกลับมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่เกิดจากฐานรากของสังคมหรือครอบครัวคือ ความเห็นต่าง ถ้าครอบครัวไหนสามารถพูดความเห็นต่างได้ก็มีข้อสรุปได้ ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา ลูก สามารถพูดความเห็นต่างและมีข้อสรุปได้นั่นคือการเริ่มต้นสังคมประชาธิปไตย

 

ดังนั้น การทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็เช่นเดียวกัน ตนพูดชัดเจนทุกครั้งที่เราทำงานร่วมกันว่า เรามีเอกภาพเชิงนโยบายเป้าหมายร่วมกัน ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริงในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราต้องการโค่นล้มผู้ที่ใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ เราไม่ยอมรับ ระบอบที่เราเรียกว่าเผด็จการเข้ามาครอบงำอำนาจของพี่น้องประชาชน 


เรามีเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่ตนต้องย้ำก็คือว่า วิธีปฏิบัติของแต่ละพรรคการเมือง เราให้เกียรติให้โอกาสกัน เพราะเราไปละเมิดสิทธิของท่านตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญไม่ได้ ทุกพรรคมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดความเห็นกำหนดวิธีการทำหน้าที่ของท่าน จึงทำให้มีความหลากหลายในเชิงปฏิบัติ 

                                พรรคร่วมฝ่ายค้านเขย่าขวัญ “บิ๊กตู่”เปิดสภา พ.ค.ยื่นญัตติซักฟอกทันที
“เพื่อไทยไปซ้าย ก้าวไกลไปขวา เสรีรวมไทยอาจจะเป็นตรงกลาง ประชาชาติอาจจะซ้ายสุด ซึ่งเรื่องเหล่านี้เรายอมรับซึ่งกันและกัน สุดท้ายเราเอาสิ่งเหล่านั้นมาวางและขอความเห็นร่วมว่า เราจะกำหนดทิศทางร่วมกันอย่างไร ยืนยันว่าเราไม่ได้มีความเห็นขัดแย้ง แต่ความเห็นต่างมีเยอะแน่นอน เป็นสีสันในการกระตุ้นให้คนได้มีวิพากษ์วิจารณ์ร่วมกัน ฝ่ายค้านเป็นอิสระเราอยากให้แต่ละพรรคทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ” นพ.ชลน่าน กล่าว 
 

ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คิดอยู่นานว่านายกฯ หมดเวลา แต่เขาบอกยังมีเวลาถึงปี 2566 ซึ่งเราคงรออีกนาน แต่ตนมองว่าเราไม่ควรให้เวลานายกฯ คนนี้มาตั้งแต่แรก เหตุผลเพราะมาจากรัฐประหารปี 2557 ที่เป็นการสมคิดคิดกับกลุ่มการเมือง เพื่อยึดอำนาจปกครองประเทศ เอารัฐบาลประชาธิปไตยออกไป 

 

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่องค์กรอิสระไม่มีวินิจฉัยผลร้ายแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นี่คือ ความเป็นมาของรัฐบาลชุดนี้ จนอยู่มา 7 ปี จะครบ 8 ปี 23 ส.ค. 2565 เรามีความสุขแล้วหรือกับรัฐบาลแบบนี้ เรามีอะไรที่เป็นความสุขบ้าง ซึ่งมีเพียงนายทุนขนาดใหญ่ทั้งหลายรวยเอา ๆ แต่ประชาชนกลับไม่เคยมีความสุข 


ทั้งข้าวของแพง หนี้สาธารณะชนชนเพดานจนต้องขยายเพดาน ภัยพิบัติทั้งหลาย การระบาดโควิด-19 การทุจริตคอร์รัปชั่น การปฏิรูปการเมืองไม่มีอะไรคืบหน้า มีแต่การเมืองแบบแจกกล้วย การแตกแยกในบ้านเมือง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคู่ขัดแย้งในสังคมเสียเอง
 ดังนั้น ในเดือน พ.ค.นี้ เปิดสภาฯ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทันที 

 

“ดังนั้น ขอบอกพรรคร่วมรัฐบาลว่า นี่จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายและเป็นประวัติศาสตร์ว่าพรรคการเมืองใดที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นพรรคการเมืองที่สูญพันธุ์ครั้งหน้า 


นอกจากนี้ อาวุธอีกอย่างนายกฯ คือ ห้ามดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี  ซึ่งตามรัฐธรรมนูญยึดตั้งแต่เป็นนายกฯ ครั้งแรกตั้งแต่ตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่มีการเขียนยกเว้นไว้ว่า สามารถดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีได้ อยากดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไร คุณหมดเวลาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไปได้แล้ว เพื่อความสง่างามก่อนถึงเดือน ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไปได้แล้ว”นายชูศักดิ์ กล่าว


ขณะที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล  กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างกีดกันพรรคเพื่อไทย เพื่อไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งเป็นการเลือกตั้งบัตรใบเดียว และมีสูตรคำนวณพลิกผัน และมีการแจกกล้วย ร่างเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ซึ่งเปรียบตาข่าย 2 ชั้น 


“ส่วนวาระ 8 ปี เป็นตาข่ายที่ 3 ไม่ว่านายกฯ คนใดอยู่นานไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีสำนึกด้วย หลักสากล ผู้นำอยู่อำนาจนานมีแนวโน้มไร้ธรรมาภิบาล แทรกซึมระบบข้าราชการ องค์กรอิสระต่าง ๆ ดังนั้น ควรลาออกก่อนถึง ส.ค.นี้ ก่อนจะมีใครยืนตีความรัฐธรรมนูญ” 

 

ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ร่างกายหมดสภาพ ความรู้ไม่มี ความดีไม่ปรากฏ และพรรคยังแตก ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงมี 2 ทาง คือ ไม่ยุบสภาก็ต้องลาออก 


“เพราะถ้ามาเจออภิปรายเดี๋ยวร่วง แต่การันตีได้เลยว่า เลือกตั้งครั้งหน้าไม่มีโอกาสเป็นนายกฯ แน่นอน ซึ่งในการอภิปรายครั้งหน้าขอฝากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านดูแลอย่าให้ใครเป็นงูเห่าเพิ่มอีก ผมเห็นใจพรรคใหญ่ที่คุมยาก ผมเป็นพรรคเล็กไม่กี่คนคุมง่าย พร้อมทั้งอยากให้ช่วยกันดีลฝ่ายรัฐบาลให้ได้ก็จะดี ซึ่งผมกำลังพยายามอยู่แต่ไม่มีเงิน จึงพยายามได้พูดคุยเข้ามาเป็นพวกเท่านั้น”


นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านายกฯ ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารกิจการบ้านเมืองและประเทศอีกต่อไป 


ปัญหาที่ประเทศเผชิญอยู่ในเวลานี้ ก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารกิจการบ้านเมืองของรัฐบาล ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่าง นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ และนักวิชาการต่าง ๆ ก็ได้ออกมาเตือนแล้ว หากรัฐบาลยังอยู่ต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความล่มสลายทางเศรษฐกิจของประเทศ  ดังนั้นสิ่งที่น่าเป็นห่วงและวิกฤตอย่างยิ่ง คือการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจของเรา และตนคิดว่าหมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ นานแล้ว