แก้สลากแพง จ่อให้โควตาอำเภอละ 25 เล่ม ผ่านแอปถุงเงิน ขายเกิน 80 บาท ตัดสิทธิ์

11 มี.ค. 2565 | 07:51 น.

“แรมโบ้-บิ๊กโจ๊ก”ถกแก้สลากแพง จ่อให้โควตาอำเภอละ25 เล่ม ผ่านแอปถุงเงิน ยัน 2 เดือนเห็นผลชัด ชงตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ ไล่เช็คทุกพื้นที่  จับได้ขายเกิน 80 บาท ตัดสิทธิ์ทันที 

รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาสลากแพง วันนี้(11 มี.ค.65) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด ที่อาคารสำนักงาน กพ. (เดิม) นัดแรก โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานอนุกรรมการ ผู้แทนจากอัยการสูงสุด เข้าร่วมด้วย

 

นายเสกสกล ย้ำในที่ประชุมว่า นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการทำงานของคณะกรรมการชุดใหญ่ และ 3 คณะอนุกรรมการฯ ที่จะขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสลากเกินราคา โดยต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมถึงขายเกินราคา และขอให้ทำให้สำเร็จเพื่อเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล เนื่องจากปัญหาดังกล่าวสะสมมาหลายรัฐบาลแล้ว และต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด 

“หากมีใครนำชื่อผม หรือคนในอนุกรรมการไปแอบอ้าง ขอให้แจ้งมาเพื่อดำเนินคดีทันที ยืนยันว่าอนุกรรมการไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ ผมทำตามบัญชานายกฯ ให้เป็นผลสำเร็จ เป็นรูปธรรม” 

                              แก้สลากแพง จ่อให้โควตาอำเภอละ 25 เล่ม ผ่านแอปถุงเงิน ขายเกิน 80 บาท ตัดสิทธิ์

ขณะเดียวกันจะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือตั้งคณะกรรมการขึ้นมา พร้อมฝาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ช่วยพิจารณา อยากให้มีชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อไปจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ดังนั้น คณะทำงาน จึงต้องเร่งรัดการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ 2 เดือน เพื่อสรุปสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ได้ผลในทางปฏิบัติให้ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 วันนี้จึงได้วางกรอบการทำงานให้เป็นรูปธรรม บริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

สำหรับแนวทางแก้ปัญหาคือ ตัวแทนที่จะขายแต่ละอำเภอ จะได้โควตาคนละ 25 เล่ม โดยขายให้ทุกอำเภอ ผ่านระบบลงทะเบียนแอปถุงเงิน และ QR Code ซึ่งใครจะซื้อต้องแจ้งผ่าน QR code ในราคา 80 บาท เท่ากับแต่ละอำเภอจะมีการขายสลากประมาณ 20,000 ใบ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างแน่นอน ถ้าใครขายเกินราคายกเลิกสัญญาทันที เสียสิทธิ์ทันที

                                            

ส่วนการซื้อจองล่วงหน้าเป็นระบบเสรีจากการลงทะเบียน ขณะนี้มียอดประมาณ 100,000 คน และกำลังให้สมัครเพิ่มเติม ใครขายก็จะมีระบบตรวจสอบ ถ้ามีการขายช่วงต่อ จะถูกตัดสิทธิ์เช่นกัน และหากไปรับสลากที่ไปรษณีย์ ห้ามมอบอำนาจให้ใครไปรับแทน ยกเว้นมีเหตุจำเป็นต้องมีใบมอบอำนาจที่มีเหตุผลชัดเจน และการขายลักษณะนี้ก็จะมีการตรวจสอบ และแจ้งเข้ามาในระบบ QR Code ซึ่งมาตรการนี้คิดว่าควบคุมได้ แต่ยังเป็นเพียงข้อเสนอซึ่งต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่


ขณะที่การขายในระบบแพลตฟอร์ม ให้ซื้อตรงที่สำนักงานสลากฯ หรือผ่านทางฟอร์มของตัวเองผ่านมือถือ ซึ่งจะควบคุมง่าย ไม่สามารถซื้อเกิน 80 บาทได้ 

                                             แก้สลากแพง จ่อให้โควตาอำเภอละ 25 เล่ม ผ่านแอปถุงเงิน ขายเกิน 80 บาท ตัดสิทธิ์
นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆ อีกหลายแนวทาง แต่คิดว่ามาตรการเหล่านี้น่าจะพอไปได้ และในระยะยาวต้องมีการแก้กฎหมายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้มีบทลงโทษที่รุนแรง ดำเนินคดีทางอาญาและแพ่ง ทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงกฎหมาย ป.ป.ง. เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งวันที่ 18 มี.ค. 65 จะประชุมอีกรอบ และทำข้อสรุปให้ตกผลึก เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมชุดใหญ่ต่อไป


“ขอย้ำว่าให้หยุดเอาเปรียบประชาชน ช่วยกันควบคุมราคาให้อยู่ใน 80 บาท ถ้าใครขายเกินราคาโดยเฉพาะนายทุนใหญ่ ตำรวจเจอจุดไหนจะปฏิบัติการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทันที ไม่ละเว้นใครไว้ทั้งสิ้น เพราะรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน และนายกฯ กำชับว่าต้องทำให้สำเร็จ”


นายเสกสกล ยืนยันว่า ขณะนี้รายใหญ่ไม่มีแล้ว 5 เสือไม่มีแล้ว ทุกวันนี้กองสลากกระจายไปคนละ 5 เล่มทั่วประเทศ ที่เหลือเป็นผู้พิการ มูลนิธิต่างๆ ซึ่งระบบซื้อจองที่กระจายคนละ 5 เล่ม ต้องไปขาย 80 บาท อย่าขายช่วงต่อ เพราะจะทำให้เกิดการขายเกินราคา และจากนี้จะมีการตรวจสอบว่าคุณเอาไปขายจริงหรือไม่ ถ้าได้โควตาไปแล้วแต่ไปขายต่อ จะมีมาตรการยึดคืน ทุกคนต้องมีวินัย ไม่เช่นนั้นจะเสียโอกาส เสียรายได้ของตัวเอง


ทั้งนี้ ปัญหาสลากขายแพงเกิดจากกฎหมายกองสลากหย่อนยาน ไม่เข้มงวด ต้องแก้ไข มาตรการปล่อยสลากออกไปแล้วไม่มีการกำหนดกรอบควบคุมที่ชัดเจน ว่าเอาไปขายต่อที่ไหนอย่างไร ถ้ามีการควบคุม ตรวจสอบและรายงานมาด้วยระบบ QR Code ซึ่งถ้าใครไม่แจ้งก็เท่ากับไม่ปฏิบัติตาม จะเสียสิทธิ์ จากนี้จะเริ่มใช้มาตรการ ขอให้เชื่อมั่นว่าคณะกรรมการในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล มาอยู่ที่ราคา 80 บาท ได้อย่างแน่นอน