ด่วน! ศาลฎีกาสั่งจำคุก “วัฒนา เมืองสุข” 50 ปี ปิดฉากคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร

04 มี.ค. 2565 | 10:18 น.

ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษายืนสั่งจำคุก “วัฒนา เมืองสุข” อดีตรมต.พม. 99 ปี แต่รับโทษจริง คงจำคุก 50 ปี  ร่วมชดใช้เงิน 89 ล้าน ปิดฉากคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร

วันนี้(4 มี.ค.65) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ได้นัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ในชั้นอุทธรณ์ในคดีทุจริตการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ 

 

คดีนี้ ศาลฎีกาฯ ได้เคยอ่านคำพิพากษาคดนี้ไปเมื่อ 24 ก.ย.2563 ที่ตัดสินจำคุกจำเลยในคดีดังกล่าว อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 รวมความผิด 11 กระทง กระทงละ 9 ปี รวม 99 ปี แต่คงจำคุกจริง 50 ปี ซึ่งศาลฎีกา ได้ตัดสิน และต่อมาศาลฎีกาให้ประกันตัววัฒนา โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10 ล้านบาท


ล่าสุด เวลาประมาณ 16.50 น. องค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาเเก้โทษริบทรัพย์ นายวัฒนา จำเลยที่ 1,4,5,6,7,8 เเละ10 ร่วมชดใช้เงิน 89 ล้าน ในส่วนอาญาอุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืนจำคุก 99 ปี คงจำคุกจริง 50 ปี 

 

สำหรับ คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ เป็นคดี หมายเลขดำ อม.อธ. 1/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และพวกรวม 14 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11

คดีนี้เกิดขึ้นในยุคทักษิณ ชินวัตร และเริ่มตรวจสอบการกระทำผิดในช่วงของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก่อนเปลี่ยนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวนต่อ กระทั่งปี 2560 ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด นายวัฒนา พร้อมจำเลยคนอื่นๆ อีก 14 คน กรณีทุจริตเรียกรับสินบนจาก บริษัท พาสทิญ่า จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ผ่านบริษัทและลูกจ้างบริษัท เพรซิเด้นท์เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 82.6 ล้านบาท


เนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายสินบน เพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ โดยหลังจาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการ ปรากฎว่าอัยการพบความไม่สมบูรณ์ในสำนวน จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมาพิจารณา สุดท้ายอัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องนายวัฒนากับพวกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

ปัจจุบัน นายวัฒนา ยังดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยช่วยงานคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย หาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า  ขณะที่ นายอริสมันต์ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา และศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว