นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย แสดงความกังวลถึงสถานการณ์น้ำมันปาล์มแพงจนบางห้างราคาสูงถึง 68 บาทต่อขวดอีกทั้งมีการจำกัดการซื้อน้ำมันปาล์มไม่เกิน 3 ขวด หรือ 6 ขวด ว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้คิดถึงเหตุการณ์ที่ประชาชน รุมแย่งกันซื้อน้ำมันปาล์ม ซึ่งอยู่ในช่วงที่พรรคการเมือง อย่างพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฝ่ายบริหารชุดนี้อยู่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังดูแลกระทรวงพาณิชย์ และ มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง จะหลีกหนีความรับผิดชอบนี้ไม่ได้
ทั้งนี้ คนไทยต้องได้ซื้อน้ำมันปาล์มในราคาที่เป็นธรรม ไม่ใช่ออกมาตรการปกป้องการนำเข้า เพื่อประโยชน์แค่คนไม่กี่กลุ่ม แต่ผู้บริโภคทั้งประเทศต้องรับภาระต้นทุนในการทำอาหารแพงขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะทำให้ราคาอาหารตามสั่งแพงขึ้นตาม สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนไทยทั้งประเทศถ้วนหน้า
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่รายงานว่าทางกรมได้หารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์ม ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่ากรมจะยังใช้มาตรการปกติในการแก้ไขปัญหา เช่น การขอความร่วมมือจากห้างในการจัดโปรโมชั่นลดราคามันปาล์ม ซึ่งก็เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุแบบเดิมๆ
ซ้ำยังยืนยันอีกว่า แม้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ หรือซีพีโอ จะเหลือเพียง 160,000 ตัน ก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติที่จะต้องใช้มาตรการพิเศษในการเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหา คนเราคงมองความวิกฤติไม่เท่ากันจริงๆ จึงต้องวางแผนหาแนวทางในการแก้ไขล่วงหน้า ก่อนที่พี่น้องประชาชนจะเดือดร้อน ไม่ใช่รอให้ความเดือดร้อนมาถึงแล้วค่อยแก้ปัญหา เพราะถึงตอนนั้นคงไม่ทันการแล้ว
รัฐบาลต้องแก้ไขการบริหารจัดการของรัฐบาลผิดพลาดให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีสต๊อกน้ำมันปาล์มเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาคือ ต้องยกเลิกการใช้น้ำมันปาล์มผสมกับน้ำมันดีเซล เพราะไม่ช่วยทำให้ราคาน้ำมันไบโอดีเซลถูกลง แล้วยังทำให้น้ำมันปาล์มจัดสรรผิดทิศทาง แทนที่จะนำไปบริโภคเป็นหลัก
อีกทั้งต้องอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ ต้องทำให้ราคาน้ำมันปาล์มไทย ไม่สูงไปกว่าราคาตลาดโลก เพราะจะกระทบผู้บริโภคในประเทศ ซึ่งการปกป้องผู้ผลิตน้ำมันปาล์มไม่เป็นธรรมต่อคนในชาติ เพราะคนไทยต้องจ่ายแพงกว่า เพื่ออุดหนุนผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม