เครือข่ายประชาชนยื่น“นายกฯ-ประธานสภา”หนุนสร้าง“นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”

14 ธ.ค. 2564 | 10:16 น.

เครือข่ายประชาชนยื่นหนังสือถึง "นายกฯ-ประธานสภา-ประธานวุฒิสภา" หนุนรัฐบาลสร้าง “นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” เพื่อเป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายให้ลูกหลานในอนาคต

วันที่ 14 ธันวาคม 2564  ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น นำโดยนางมณี อนันทบริพงค์ นายสักริยา อะยามา และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลสะกอม ตำบลตลิ่งชัน และตำบลนาทับ อำเภอจะนะ กว่า 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้มีการเดินหน้าโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต หรือ นิคมอุตสาหกรรมจะนะ

 

สำหรับหนังสือที่เครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น ยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอให้เดินหน้าผลักดันโครงการเมืองต้นแบบตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมายโดยเร็ว พร้อมแนบประกาศสรุปผลการรับฟังความคิดเห็น 5 วิธี 

                       เครือข่ายประชาชนยื่น“นายกฯ-ประธานสภา”หนุนสร้าง“นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”

            

ด้วยเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น ได้รับทราบกรณี ประชาชนในพื้นที่อําเภอ จะนะ จังหวัดสงขลา ในนามของ “กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น” ได้ออกมาเคลื่อนไหวและแสดงการคัดค้าน การดําเนินการโครงการเมืองต้นแบบ ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งภาคเอกชน และหน่วยงานของรัฐอยู่ใน ระหว่างการดําเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ทั้งการจัดทําการปรับปรุงความเหมาะสมของผังเมือง และการ ดําเนินการตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมของภาคเอกชน 

 

พวกเราในนามของกลุ่มเครือข่ายประชาชนจะนะ อาสาเพื่อพัฒนาถิ่น ขอความเห็นใจ จากท่านในการรับฟังเสียงของกลุ่มเครือข่ายพวกเราบ้าง เนื่องจากพวกเราต้องให้พื้นที่อาศัยของพวกเราเกิด การพัฒนาที่ดีขึ้น เพื่อให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของเราให้ดียิ่งขึ้น ของเรียนท่าน อย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเรา ไม่สามารถอดทนต่อความลําบากยากแค้นจากการขาดงาน ขาดอาชีพที่เป็นปัญหาสําคัญของคนในพื้นที่

                           เครือข่ายประชาชนยื่น“นายกฯ-ประธานสภา”หนุนสร้าง“นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”

ปัจจุบัน ลูกหลานของพวกเราหลายครอบครัว จําต้องเดินทางไปทํางานในพื้นที่สมุทรปราการบ้าง อยุธยา บ้าง ชลบุรีบ้าง และกรุงเทพมหานครอีกเป็นจํานวนมาก ไม่นับรวมประเทศมาเลเซียที่หนีเขาไปทํางานอย่างผิดกฎหมาย หรือ ไปแบบถูกกฎหมายก็มีค่าใช้จ่ายที่ไม่คุ้มกับการแลกการขายแรงงาน จนวันนี้แทบจะไม่มีวัยแรงงานในพื้นที่อีกต่อไปแล้ว คงมีแต่เด็ก สตรี และ คนชรา เท่านั้น เป็นความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ อย่างแท้จริง 

 

ความเดือดร้อนตรงนี้ กําลังทําให้ถูกเข้าใจผิด จากการสื่อสารของสื่อบางประเภทที่ไม่เข้าใจ ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่อย่างที่เป็นอยู่จริง รวมทั้ง ผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมือง บางคนที่ต้องการเสียง หรือ การสนับสนุนของประชาชน เราอยากบอกสังคมไทยให้เข้าใจกัน พวกเราต่างล้วนมี ชีวิตและความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนพวกท่านเลย เราขาดงาน ขาดอาชีพที่เราควรจะทําได้ และเรากําลังจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีการพัฒนาอะไรเลยในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา  

                                                  เครือข่ายประชาชนยื่น“นายกฯ-ประธานสภา”หนุนสร้าง“นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”

ข้อมูลความจริงที่เราต้องการสื่อสารไปยังประชาชน ทุกคน เราเป็นกลุ่มคนที่เห็นด้วย และมีมากกว่าร้อยละ 70 ถึง 80 ทั้งศาสนาพุทธ อิสลามและอื่น ๆ ที่ล้วนรักกันดี แต่ไม่มีอะไรจะกิน ด้วยเพราะเราอยู่กันอย่างเงียบ ๆ ตามประสา ว่าการพัฒนาเมื่อเกิดย่อมส่งผลดี แต่เพราะความพยายามในการบิดเบือนข้อมูลความจริงจากคนในพื้นที่เราไม่ถึง 100 คน ทําให้เราไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยต่อไปได้                     

 

และขอเรียกร้องให้พี่น้องจะนะรักษ์ถิ่นทั้งหมด กลับมาในพื้นที่ มาพูดคุยหารือกันอย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา ไม่ล้มเวที ไม่ต่อต้านเวที และแสดงออกกันเฉพาะกลุ่มเช่นที่ผ่านมา เราคนในพื้นที่ด้วยกันต้องคุยกันดีกว่าให้คนภายนอกมาจูงจมูกลากไปมาแบบที่เป็นอยู่นี้  

 

พวกเราเรียกพวกท่านมาประชุมด้วยกันหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่ในวันนี้ ท่านกําลังใช้การเรียกร้อง ผสมโรงด้วยสื่อและนักการเมือง สร้างปัญหาและจะยุติการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่จะสร้างการพัฒนาให้กับบุตรหลานของพวกเราในอนาคต  

                                       เครือข่ายประชาชนยื่น“นายกฯ-ประธานสภา”หนุนสร้าง“นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”

ท่านเข้าใจอย่างดีใช่ไหมว่า ทําไมถึงต้องบอกว่าอนาคต เพราะพวกลูกหลานเรา จะได้มีงานทํามีรายได้และอยู่ใกล้ชิดครอบครัว เรามีข้อมูลจากการทํางานผ่านเวทีต่าง ๆ หลายสิบเวที การรับ ฟังความคิดเห็นอีกหลายกระบวนการ และเชื่อมั่นว่าข้อมูลจากความจริงใจของพวกเราจะไม่เสียเปล่า และจะ เป็นฐานสําคัญในการทํางานของรัฐบาลและราชการต่อไป ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ดําเนินการประกาศ และสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของพวกเราไปแล้ว ซึ่งเปิดให้แสดงความคิดเห็นถึง 5 วิธี
 

 

ดังนั้น เครือข่ายประชาชนจะนะฯ เห็นว่า มีผู้สนับสนุนโครงการและคนในพื้นที่ได้เข้าไปแสดง ความคิดเห็นเป็นจํานวนมาก ที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาขึ้นในพื้นที่ จึงขอยื่นแถลงการณ์แสดงจุดยืนทางความคิดในฐานะประชาชนในพื้นที่อําเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะประชาชนที่ได้อยู่ในพื้นที่ตั้งของการดําเนินโครงการเมืองต้นแบบจะนะและเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยตรง เพื่อให้ท่านดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไปโดยเร็ว

 

จากนั้น ที่รัฐสภา กลุ่มอาสาพัฒนาจะนะ ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ผ่านนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ผ่านตัวแทนจากกลุ่มงานประธานวุฒิสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร และกมธ.การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสนับสนุนโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา

                                

ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่า เหตุผลที่มายื่นหนังสือวันนี้ เพราะเห็นถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใน อ.จะนะ จึงไม่สามารถอยู่นิ่งเฉย ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องถูกแก้ไขไปในทิศทางที่ดีขึ้น และอยากให้ อ.จะนะ ได้ถูกพัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะ 30 ปีที่แล้วเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม 

 

แต่วันนี้ได้รับโอกาสจากรัฐบาลที่จะให้เอกชนเข้าไปลงทุนใน อ.จะนะ ซึ่งพวกตนได้เฝ้าศึกษาติดตาม ดูแลโครงการนี้ว่าหากเกิดขึ้นแล้วชาวบ้านจะได้อะไร หรือจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ซึ่งตลอดการติดตามมา 2 ปี ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการจะนะเมืองต้นแบบแห่งอนาคต เพื่อต่อยอดให้ลูกหลานได้ทำงานในพื้นที่ 

 

และเรื่องยาเสพติดในพื้นที่ หากลูกหลานมีงานทำก็จะลดภาระตรงนี้ได้มาก ปัจจุบันนี้โครงการอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นหลายโรงงานในอ.จะนะ ซึ่งไม่ได้มีปัญหากระทบกับชาวบ้านแต่อย่างใด ขอให้รัฐบาลเมตตาให้โครงการนี้เกิดขึ้นให้ได้ และอยากให้กมธ.ลงไปในพื้นที่เพื่อจะได้รู้ข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน อ.จะนะเป็นอย่างไร 

 

นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า รัฐสภาเป็นสถานที่ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนได้ ทั้งนี้ ตนยินดีรับเรื่องดังกล่าวนำกราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป