“น.ต.ศิธา"ชี้เปิดประเทศมา 15 วันรัฐต้องเลิกทำงานแบบ"ทราบแล้วเปลี่ยน"

15 พ.ย. 2564 | 07:57 น.

“ศิธา"ไทยสร้างไทยชี้เปิดประเทศมา 15 วัน รัฐต้องเลิกทำงานแบบ "ทราบแล้วเปลี่ยน" แนะชั่งน้ำหนักความเชื่อมั่นและการสร้างความยุ่งยากให้สมดุล ไม่เช่นนั้นอาจทำประเทศเสียโอกาส

น.ต.ศิธา ทิวารี คณะกรรมการอำนวยการและพัฒนา พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่า นับแต่การ “เปิดประเทศ” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นมา ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศ รัฐบาลไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้เลย การเตรียมการโดยภาครัฐยังไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าตัดสินใจที่จะเดินหน้าประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่

 

และจากการทำงานของพรรคไทยสร้างไทย ที่เดินสายพบปะผู้ประกอบการ พี่น้องประชาชนได้รับฟังเสียงสะท้อน ยังพบปัญหาที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ เช่น การให้ความสำคัญกับวัคซีนหลักเพียงชนิดเดียว และมีประเทศที่ยอมรับน้อยมาก โดยรัฐปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จึงตัดสินใจเปิดรับวัคซีน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในภายหลัง

ส่วนกรณีที่ ศบค.เลื่อนเวลาการเปิดกิจการให้ผับ บาร์ สามารถกลับมาดำเนินการได้เป็นวันที่ 16 มกราคม เป็นต้นไปนั้น น.อ.ศิธา เห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนโดยเฉพาะภาคเอกชนที่ไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล จึงตัดสินใจไม่ลงทุนและไม่ดำเนินกิจการอย่างเต็มที่

 

ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาประชาชนมีการตั้งคำถามมากมาย ว่าการทำงานของรัฐบาลเป็นลักษณะ"ทราบแล้วเปลี่ยน" ซึ่งเมื่อรัฐบาลบอกหรือแจ้งสิ่งใดมา ท้ายที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หรือแม้แต่ในช่วงที่มีการแจ้งข่าวสารสำคัญในวันและเวลาเดียวกัน รัฐบาลกับหน่วยงานที่รับผิดชอบอื่น ก็ยังให้ความเห็นหรือข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งเหล่านี้รัฐจะต้องเร่งแก้ไขหรือเลิกทำ

เช่นเดียวกับการเข้าถึงการตรวจโควิด จะต้องเข้าถึงได้ง่าย เพราะมาตรการดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญนำไปสู่การจำกัดการขยายวงการระบาดให้ลดลง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ

 

ขณะเดียวกันยังเห็นว่า ขั้นตอนการเข้าประเทศ รัฐบาลจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเชื่อมั่นและความยุ่งยากให้เกิดสมดุล โดยเห็นว่าในช่วงสถานการณ์โควิด ควรผ่อนผันให้วีซ่าให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น จากเดิมที่มีกรอบเวลา 30 วัน อาจพิจารณาเพิ่มเติมให้อีก 60 วันได้หรือไม่ เพราะจะเป็นการสร้างรายได้ผ่านการจับจ่ายใช้สอย ของนักท่องเที่ยว

 

และยังพบว่า มีอีกหลายกฎหมายที่บังคับใช้อย่างเข้มงวดจนเป็นอุปสรรคต่อการค้าขาย ทั้งยังเป็นช่องทางให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์สินบนใต้โต๊ะต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน