"บิ๊กป้อม"ป้อง "ธรรมนัส" ลั่นถ้า "บิ๊กตู่ "ตั้งพรรคใหม่ เลิกเล่นการเมือง

28 ต.ค. 2564 | 02:37 น.

“บิ๊กป้อม” เบรก กรรมการบริหารพรรคพปชร.ลาออก "ป้อง “ธรรมนัส” ถ้าไม่เอาใครจะทำงาน ขู่“ไม่เลิกทะเลาะกูลาออก” ลั่นถ้า “บิ๊กตู่” ตั้งพรรคใหม่ ไม่ขอเล่นการเมืองต่อ

ความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายหลังมีกระแสให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เดินเกมหารือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค เมื่อบ่ายวันที่ 26 ต.ค.ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ จากนั้นช่วงเย็นของวันที่ 26 ต.ค. พล.อ.ประวิตร ได้โทรศัพท์ถึงกก.บห.ทุกคนเพื่อยับยั้งการเซ็นใบลาออก จนกว่าจะถึงวันประชุมกก.บห. ในวันที่28 ต.ค.นี้ ทำให้มี กก.บห. ที่เซ็นใบลาออกไว้แล้ว ขอถอนใบลาออก จากเดิมทั้งหมด 9 คน ตอนนี้เหลือ 6 คน ที่เป็นรัฐมนตรี 

 

โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 ต.ค. กก.บห.บางส่วน อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อพบและร่วมรับประทานอาหารเช้ากับ พล.อ.ประวิตร ช่วงหนึ่งมีการสอบถามความชัดเจนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หนึ่งในแกนนำพรรคจึงได้บอกพล.อ.ประวิตร ถึงปัญหาที่เกิดจาก ร.อ.ธรรมนัส และย้ำด้วยว่า รัฐบาลและพรรคพปชร.จำเป็นต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าเป็น ร.อ.ธรรมนัส คงทำงานกันลำบาก เพราะนายกรัฐมนตรี ไม่เอา ร.อ.ธรรมนัส จึงควรปรับโครงสร้างให้ทำงานได้ 

 

เมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้ยินเช่นนั้น จึงได้กล่าวสวนไปว่า “พวกคุณไปฟังความข้างเดียวกัน ถ้าไม่เอาธรรมนัส แล้วจะเอาใคร เขาทำงานได้ ทำงานเพื่อพรรค แล้วใครจะทำงาน คนอื่นก็เป็นคู่กรณีของเขา ถ้ายังไม่เลิกทะเลาะกัน กูลาออก ใครอยากมาเป็นก็มาเป็นเลย” 

"บิ๊กป้อม"ป้อง "ธรรมนัส" ลั่นถ้า "บิ๊กตู่ "ตั้งพรรคใหม่ เลิกเล่นการเมือง

แต่แกนนำพรรคคนเดิม ก็ยังย้ำกับพล.อ.ประวิตร ว่า แต่ถ้ายังเป็น ร.อ.ธรรมนัส ปัญหาจะไม่จบนายกฯ อาจไปตั้งพรรคใหม่ ทำให้ พล.อ.ประวิตร ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “ถ้านายกฯตั้งพรรคใหม่ ผมก็เลิก ไม่เล่นแล้วการเมือง”

 

นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจง ถึงการหารือร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และอีก 6 รัฐมนตรี ถึงการปรับโครงสร้างพรรค เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่าน ว่า วันดังกล่าวไม่ได้มีข้อสรุปอะไร ตนเองเพียงนั่งรับฟังเฉยๆ “ก็วันนั้นพวกมึงรุมผม” 

 

ขณะที่ในช่วงบ่าย วันที่ 27 ต.ค. บรรดาแกนนำ และ ส.ส.หลายคนได้ทยอยเข้าพบพล.อ.ประวิตร อาทิ ร.อ.ธรรมนัส นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายชัยวุฒิ โดย พล.อ.ประวิตร ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ใครมีความในใจอะไรก็พูดออกมาเลยคุยกันตรงๆ 

 

โดยมี ส.ส.ภาคใต้บางคน กล่าวว่า จริงๆ แล้วพวกเราไม่มีอะไร เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกันเองทำให้ พล.อ.ประวิตร ตอบกลับไปว่า “ที่เป็นปัญหาอาจมีบางคนทะเลาะ และมีเด็กไปบอกนายกฯ จึงทำให้เป็นปัญหา เอาเป็นว่าต่อไปนี้ ขอให้รักกัน พูดคุยกัน และให้จบตรงนี้ ไม่เป็นไร ถ้าที่ผ่านมีอะไรที่ผิดพลาด หรือ ผมอาจจะดูแลทุกคนไม่ดีพอก็ขอโทษ แต่ยืนยันว่าผมรักสมาชิกทุกคน"

"บิ๊กป้อม"ป้อง "ธรรมนัส" ลั่นถ้า "บิ๊กตู่ "ตั้งพรรคใหม่ เลิกเล่นการเมือง

 

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ถือโอกาสอธิบายว่า “ผมไม่มีอะไร ที่ผ่านมาทำงาน ใจถึงพึ่งได้ พร้อมช่วยทุกคน แต่เรื่องที่เกิดขึ้น มีบางคนที่ไม่ชอบผมเอาไปพูดนอกพรรค ทำให้สับสน ขอให้มาพูดกัน” 

 

ขณะเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส ยังเสนอให้ ส.ส.กลุ่มต่างๆ มาที่นั่งฟังจะได้รับทราบไปพร้อมกัน จะได้ไม่ต้องไปประชุม กก.บห.วันที่ 28 ต.ค.อีก ให้มันจบกันวันนี้ (27ต.ค.) และเมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พูดเสร็จ บรรยากาศกลับตึงเครียด เมื่อนายชัยวุฒิ ได้พูดสวนไปว่า “ให้เอาความจริงมาพูดกันเมื่อครั้งที่จะโหวตสวนผมและนายกฯ คืออะไร” ร.อ.ธรรมนัส จึงตอบว่า “ที่ผ่านมาก็ขอโทษ ส่งข้อความและชี้แจงไปหมดแล้ว” ทำให้นายชัยวุฒิ ย้ำอีกครั้งว่า “ให้เอาความจริงมาพูดกันจะดีกว่า” 

 

นอกจากนี้ ในการหารือครั้งนี้ ได้มีการแจกกระดาษที่เป็นลักษณะแบบสอบถามประมาณ 7-8 ข้อเป็นใบละ 1 คำถามให้กับสมาชิกไปเขียนด้วยลายมือ ไม่ต้องระบุชื่อ เช่น สอบถามว่าต้องการให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค ต้องการให้ใครเป็นเลขาธิการพรรค และอนาคตอยากให้พรรคเป็นอย่างไร รวมถึงให้แสดงความรู้สึกที่มีต่อรัฐมนตรีในสังกัดพรรค จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้อ่านผลการกรอกแบบสอบถามด้วยตัวเอง โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาว่า ทั้งหมดพร้อมใจกันยืนยันให้ พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ส่วนเลขาธิการพรรคประมาณ 80% ยังไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส 

 

ส่วนคนที่น้อยที่สุดคือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ขณะที่การแสดงความเห็นต่อรัฐมนตรีของพรรค ส่วนใหญ่แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวคือ ไม่พอใจต่อการปฏิบัติตัวของรัฐมนตรี 2 กระทรวงคือ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงดิจิทัลฯ ทั้งนี้ ผลการตอบแบบสอบถามดังกล่าว จะมีการนำไปรายงานให้ที่ประชุม กก.บห.ทราบ