“องอาจ”เสนอ "บิ๊กตู่"ใช้ค่ายทหารทำรพ.สนาม หนุนทบ.ตั้งศูนย์ต้านภัยโควิด

23 ก.ค. 2564 | 03:08 น.

“องอาจ” รองหัวหน้า ปชป.เสนอนายกฯ ใช้ค่ายทหารทำ รพ.สนาม หนุน ทบ.ตั้งศูนย์ต้านภัยโควิด-19 ดึง ทร.-ทอ. ร่วมช่วยเหลือประชาชน ชื่นชมกองทัพบกริเริ่มเข้ามาช่วยรับ-ส่งคนป่วยฟรี 24 ชั่วโมง

วันที 23 ก.ค.2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์โควิดว่า เฟซบุ๊กศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกได้เผยแพร่ข้อมูลระบุว่า กองทัพบกได้ริเริ่มตั้งศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 เพื่อเป็นสื่อกลางช่วยผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบรักษาไปยังศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิดของรัฐบาล (อาคารนิมิบุตร) หรือสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงช่วยเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลสนามที่จัดเตรียมไว้และยินดีเคลื่อนย้ายประชาชนทุกกรณีเมื่อได้รับการร้องขอ สามารถติดต่อที่ศูนย์ฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่โทรศัพท์ 02-270-5685-9 และ Line ID : @covidtv5hd1

 

โดยกองทัพบกได้เตรียมโรงพยาบาลสนาม ทบ. 18 แห่งทั่วประเทศ โรงพยาบาลค่าย ทบ. 29 แห่ง และศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 ของ กทม. 17 แห่ง รวมถึงฌาปนสถานของ ทบ. อีก 4 แห่งไว้รองรับ

 

จึงนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่กองทัพบกได้ริเริ่มเข้ามาช่วยรับ-ส่งฟรี 24 ชั่วโมง ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้หายป่วยเคลื่อนย้ายศพและฌาปนกิจศพ

“องอาจ”เสนอ \"บิ๊กตู่\"ใช้ค่ายทหารทำรพ.สนาม หนุนทบ.ตั้งศูนย์ต้านภัยโควิด

จากการแพร่ระบาดของโควิดระลอก 3 ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนผู้ป่วยติดเชื้อประสบความยากลำบากในการหาเตียง หาที่รักษาตัว จน ศบค. ต้องหันมาใช้มาตรการให้รักษากักตัวที่บ้านและหาจุดพักคอยเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอและไม่คล่องตัวเท่าที่ควร จนปรากฏข่าวว่าผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรอคอยสถานที่รักษา หาเตียงไม่ได้ จนต้องตายคาบ้าน ตายข้างถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

อย่างไรก็ดีเพื่อให้การดำเนินการสามารถช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิดได้เพิ่มมากขึ้นเพราะแนวโน้มการแพร่ระบาดยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง จึงขอเสนอนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมดังนี้

1) ควรนำค่ายทหารทั่วประเทศ โดยเฉพาะค่ายทหารใน กทม. มาทำเป็นโรงพยาบาลสนาม และจุดพักคอยเพิ่มขึ้น


2) ควรแปรสภาพศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 ของกองทัพบกให้เป็นศูนย์ของกองทัพไทย และประสานให้กองทัพเรือ กองทัพอากาศเข้ามาทำงานช่วยเหลือประชาชนด้วย


3) ควรสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอต่อการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ควรปล่อยผู้นำหน่วยไปหางบทำงานกันเอง

 

เชื่อมั่นว่าถ้านายกฯ และ รมว. กลาโหมสามารถทำตามข้อเสนอนี้ได้ก็จะช่วยผู้ป่วยติดเชื้อและครอบครัวได้อีกจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยทำให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐดีขึ้นอย่างแน่นอน