ปธ.อาเซียน โชว์วิสัยทัศน์ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” บนเวทียูเอ็น (คลิป)

25 ก.ย. 2562 | 01:50 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“พลเอกประยุทธ์” โชว์วิสัยทัศน์ในนามประธานอาเซียน ย้ำไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมร่วมมือกับสหประชาชาติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อน SDGs ให้เป็นรูปธรรมทั้งในและนอกอาเซียนต่อไป

 

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 62 เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานอาเซียน เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) ณ ห้องประชุมคณะมนตรีภาวะทรัสตี ชั้น 2 สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ

 

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มาร่วมกล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียน 10 ประเทศ โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้นำอาเซียนได้ร่วมรับรองวิสัยทัศน์ว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน รวมทั้งเห็นชอบข้อริเริ่ม ความเกื้อกูลระหว่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 กับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030โดยอาเซียนมุ่งหวังที่จะเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผ่านกลไกสำคัญ 3 ประการ ได้แก่  1. ทุกประเทศต้องร่วมเร่งรัดการดำเนินการ สร้างความเชื่อมโยง ลดความเหลื่อมล้ำ โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมทั้งอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ขจัดปัญหาขยะทะเลและใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน

 

ปธ.อาเซียน โชว์วิสัยทัศน์ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” บนเวทียูเอ็น (คลิป)

2. ทุกประเทศต้องขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ ใช้แนวทางการพัฒนาที่เป็นของชุมชน สนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และเตรียมการเข้าสู่สังคมสูงอายุ 3. ทุกประเทศต้องร่วมเสริมสร้างความร่วมมือ ส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าผ่านระบบการค้าพหุภาคี และสร้างภูมิต้านทานต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ปธ.อาเซียน โชว์วิสัยทัศน์ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” บนเวทียูเอ็น (คลิป)

ตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำถึงความพร้อมของอาเซียนที่จะร่วมมือกับสหประชาชาติและนานาประเทศในการพัฒนาองค์ความรู้ ศักยภาพ และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี ซึ่งการจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการหารือและการศึกษาวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในไทยปลายปีนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อน SDGs ให้เป็นรูปธรรมทั้งในและนอกอาเซียนต่อไป