กกต. จัดดีเบต 54 พรรคการเมือง "ประยุทธ์" ร่วมได้ ก.ม. ไม่ห้าม

22 ก.พ. 2562 | 10:08 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

กกต. จัดดีเบตนโยบายบริหารประเทศ 54 พรรค ร่วมจับสลากคำถาม ไร้พรรคจับได้นโยบายสาธารณสุข รองเลขาฯ ยัน! 'ประยุทธ์' ร่วมดีเบตได้ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อจาก พปชร. อ้าง! ยังไม่เห็นคำร้องยุบ 12 พรรค เผย ผู้สมัครที่ศาลไม่คืนสิทธิลงเลือกตั้งอาจถูกดำเนินคดี มีโทษทั้งจำปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

5297
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานการประชุมพรรคการเมือง เพื่อจับสลากเลือกคำถามในการประชันนโยบายที่ กกต. จะจัดขึ้นให้กับ 54 พรรคการเมือง ที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และแจ้งความประสงค์ที่จะร่วมเวทีประชันนโยบายของ กกต. โดยการจับคู่พิจารณาจากจำนวนการส่งผู้สมัครของพรรคการเมือง ซึ่งหัวข้อการประชันแบ่งเป็น 6 ด้าน คือ 1.ด้านความมั่นคง 2.เศรษฐกิจ 3.สังคม 4.การศึกษา 5.การเกษตร และ 6.สาธารณสุข ซึ่งพรรคการเมืองจะพบกันในลักษณะ 2 พรรค และ 3 พรรค จะเริ่มบันทึกเทปตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. - 4 มี.ค. และจะนำไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ 21 สถานี สถานีวิทยุ 7 สถานี และช่องยูทูบ ตั้งแต่วันที่ 15-21 มี.ค. โดยพรรคการเมืองสามารถส่งผู้แทนของพรรค หัวหน้าพรรค หรือ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อป็นแคนดิเนตนายกของพรรค เข้าร่วมดีเบตได้

5291

ทั้งนี้ สำหรับผลการจับคู่ประชัน 6 นโยบายบริหารประเทศนั้น ปรากฎผล ดังนี้ 1.นโยบายด้านศึกษา ประกอบด้วย คู่ที่ 1 พรรคพลังท้องถิ่นไท - พรรคประชานิยม, คู่ที่ 2 พรรคแผ่นดินธรรม - กรีน, คู่ที่ 3 พรรคมติประชา - พรรคคลองไทย, คู่ที่ 4 พรรคภาคีเครือข่ายไทย – พรรครวมใจไทย

2.ด้านการเกษตร คู่ที่ 1 พรรคอนาคตใหม่ - พรรคประชาชนปฏิรูป, คู่ที่ 2 พรรคประชาชาชาติ - พรรคไทรักธรรม, คู่ที่ 3 พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล - พรรคกลาง, คู่ที่ 4 พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย – พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย

3.ด้านสังคม ประกอบด้วย คู่ที่ 1รักษ์ผืนป่าประเทศไทย - พรรคเพื่อชาติ, คู่ที่ 2 พรรคพลังประชารัฐ - พรรคประชาภิวัฒน์, คู่ที่ 3 พรรคภราดรภาพ - พรรคไทยธรรม, คู่ที่ 4 พรรคทางเลือกใหม่ - พรรคประชากรไทย, คู่ที่ 5 พรรคพลังรัก - พรรคพลังแรงงานไทย, คู่ที่ 6 พรรคผึ้งหลวง – พรรคชาติพันธุ์ไทย และคู่ที่ 7 พรรคประชาไทย – พรรคพลังไทยดี

5298

4.ด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย คู่ที่ 1 พรรคภูมิใจไทย - พรรคเสรีรวมไทย - พรรคประชาธิปัตย์, คู่ที่ 2 พรรคเศรษฐกิจใหม่ - พรรคพลังชาติไทย, คู่ที่ 3 พรรคเพื่อไทย - พรรคไทยศรีวิไลย์, คู่ที่ 4 พรรคพลังธรรมใหม่ - พรรคความหวังใหม่, คู่ที่ 5 พรรคคนงานไทย - พรรคไทยรักชาติ - พรรคเพื่อแผ่นดิน

5.ด้านความมั่นคง ประกอบด้วย คู่ที่ 1 พรรคครูไทยเพื่อประชาชน - พรรคชาติไทยพัฒนา, คู่ที่ 2 พรรคประชาธรรมไทย - พรรคประชาธิปไตยใหม่, คู่ที่ 3 พรรคพลังปวงชนไทย - พรรคชาติพัฒนา, คู่ที่ 4 พรรคพลังไทยรักชาติ - พรรคฐานรากไทย, คู่ที่ 5 พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย - พรรคพัฒนาประเทศไทย, คู่ที่ 6 พรรคพลังครูไทย - พรรคพลังสังคม

ขณะที่ ด้านที่ 6 ซึ่งเป็นด้านสาธารณสุขนั้น ไม่มีพรรคไหนจับได้

5293

ต่อข้อซักถามที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ในฐานะแคนดิเนตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถมาร่วมดีเบตในเวทีนี้ได้หรือไม่นั้น นายแสวง กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ห้าม ทั้งยังกล่าวด้วยว่า ส่วนการตรวจสอบกรณีพรรคพลังประชารัฐถูกร้องเรื่องการจัดระดมทุนโต๊ะจีน ว่า เรื่องการระดมทุนและการบริจาค กกต. มีมาตรฐานการตรวจสอบเดียวกัน ใช้กับทุกพรรค ซึ่งต้องอาศัยเวลาตรวจสอบถึงที่มาของเงิน ใครบริจาคบ้าง มีคนต่างชาติร่วมบริจาคด้วยหรือไม่

ส่วนที่ร้องว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขาดคุณสมบัติการเป็นแคนดิเนตนายกฯ เพราะเป็นหัวหน้า คสช. เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ก็ทราบว่า เป็นเรื่องที่มีผู้ร้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงาน ขณะที่ กรณีของพรรคอนาคตใหม่ที่ลงประวัติ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เกินความเป็นจริงนั้น ยังไม่ตรวจสอบว่า มีผู้ร้องมาแล้วหรือไม่ แต่ถ้าเป็นกรณีความปรากฎหรือมีเหตุสงสัย กกต. สามารถตรวจสอบเองได้ แต่ในชั้นนี้ขอยังไม่ให้ความเห็นว่าเป็นความผิดหรือยัง

ทั้งยังระบุด้วย กกต. ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ และได้มีการแจ้งลบข้อความและโพสต์ที่ผิดกฎหมายและมีลักษณะต้องห้าม โดยออกคำสั่งไปแล้วหลายฉบับ เพื่อปกป้องผู้สมัครและพรรคการเมืองที่สุจริต ซึ่งมีจำนวนมาก แต่ที่ยาก คือ การโยงไปถึงผู้กระทำผิด และการลบข้อความในทันที เพราะต้องประสานไปยังหน่วยงานของรัฐและเจ้าของเว็ปไซต์ ซึ่งบางรายอยู่ในต่างประเทศ

5295

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรครวมใจไทยยื่นขอให้ กกต. พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 12 พรรคการเมือง ที่มีการแก้ไขฐานข้อมูลสมาชิกพรรค เพื่อให้ผู้สมัครมีคุณสมบัติในการลงสมัคร ว่า ยังไม่เห็นเรื่องและยังไม่ขอพูดเรื่องนี้

เมื่อถามต่อ กรณีหากศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตาม กกต. ที่ไม่ประกาศรายชื่อผู้สมัคร เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ผู้สมัครรายนั้นจะมีความผิดหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายที่จะต้องเป็นผู้พิจารณาหลังศาลฎีกามีคำพิพากษา

ทั้งนี้ สำหรับมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือ ทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 10 ปี

5298

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว