สนช.รับหลักการร่างพ.ร.บ.ธนาคารอิสลามไว้พิจารณา

02 ก.พ. 2561 | 09:51 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ที่ประชุมสนช. มีมติ 167 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไว้พิจารณา ขณะสมาชิก สนช. เห็นด้วยข้อเสนอแก้ไข ให้กระทรวงการคลังถือหุ้นเกินร้อยละ 49 ชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูกิจการ

วันนี้(2ก.พ.2561) เว็บไซต์ http://www.radioparliament.net เผยแพร่ข่าวว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี ศ.พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไว้พิจารณา ด้วยคะแนนเห็นด้วย 167 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 14 เสียง กำหนดระยะเวลาแปรญัตติภายใน 7 วัน ระยะเวลาการดำเนินงาน 30 วัน

org_9861697214

โดยนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นช่องทางให้บริการทางการเงินที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม การดำเนินงานเริ่มประสบปัญหาตั้งแต่ พ.ศ. 2555 มีจำนวนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ส่งผลต่อฐานะเงินทุนสำรองและขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน จนถึงปี พ.ศ. 2557 ธนาคารประสบปัญหามากขึ้น และเพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการต่อไปได้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจจึงเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหา ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง โดยการแยกหนี้เสียออกจากหนี้ดี และโอนหนี้เสียให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด ทำหน้าที่บริหารจัดการ และเร่งรัดการตรวจสอบฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้ธนาคารเสียหาย ทั้งนี้ธนาคารได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูกิจการระยะยาว ปี 2561-2565 และแผนปฏิบัติการ ปี 2561 และมีการปรับโครงสร้างทางการเงิน

728x90-03-3-503x62-3-503x62 นายวิสุทธิ์ กล่าวด้วยว่า ภาครัฐยังคงสนับสนุนให้ธนาคารดำเนินการตามพันธกิจแก่ประชาชนตามหลักศาสนาอิสลาม โดยได้กำหนดแนวทางการฟื้นฟูกิจการควบคู่ไปกับการเพิ่มทุน เพื่อให้ธนาคารสามารถกลับมาดำเนินกิจการได้ตามภารกิจและเจตนารมณ์ที่ได้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามการแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 ในครั้งนี้ แก้ไขเพียงประเด็นเดียวคือ ให้กระทรวงการคลังสามารถถือครองหุ้นของธนาคารเกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่ได้จำหน่ายแล้วทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถปรับโครงสร้างทางการเงินได้อย่างเหมาะสม เพื่อรองรับการดำเนินงานของธนาคารและสรรหาพันธมิตรที่เหมาะสมเข้าร่วมทุนต่อไป

ด้านสมาชิก สนช. เห็นด้วยที่รัฐเสนอแก้ไขให้กระทรวงการคลังถือหุ้นเกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่ได้จำหน่ายแล้วทั้งหมดเป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และแก้ไขการดำเนินงานของธนาคารให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล พร้อมแนะให้ประกาศต่อสาธารณะว่า บุคคลใดที่ฉ้อโกงธนาคารและต้องดำเนินคดี รวมถึงต้องปรับปรุงโครงสร้าง วางแผนการฟื้นฟูและวางมาตรการป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว