ยกย่อง ‘ดร.สุรินทร์’ ผู้มีคุณูปการต่อไทย-สังคมโลก

06 ธ.ค. 2560 | 08:24 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ตื่นตะลึงเศร้าระคนเสีย ดายไปตามๆ กัน กับการจากไปอย่างกะทันหันของ “ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ” เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ถึงแก่อนิจ กรรมด้วยวัยเพียง 68 ปี แม้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมแพทย์จะพยายามกระตุ้นหัวใจฟื้นชีพจรแต่ไม่เป็นผล

[caption id="attachment_238094" align="aligncenter" width="503"] สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญดินพระราชทานและพวงมาลาพระราชทานวางหน้าศพ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ณ มัสยิดท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในการนี้พระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานพวงมาลาด้วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญดินพระราชทานและพวงมาลาพระราชทานวางหน้าศพ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ณ มัสยิดท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในการนี้พระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานพวงมาลาด้วย[/caption]

นับเป็นการสูญเสีย “บุคคลคุณภาพ” อีกครั้งของสังคมไทยและประชาคมโลก

ท่ามกลางความอาลัยของผู้เกี่ยวข้อง นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราได้สูญเสียนักการเมืองคนเก่งคนดีที่ทำงานให้บ้านเมืองและประชาชนไปอีกคนอย่างน่าเสียดาย ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นับเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่าไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นความสูญเสียของประเทศและสังคมโลก ท่านเป็นบุคคลที่พร้อมด้วยความรู้ความสามารถ และมีความมั่นคงในอุดมการณ์ที่นับวันหาได้ยากในแวดวงการเมือง”

ขณะที่ นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของนายสุรินทร์ โดยนายสุรินทร์มีบทบาทอย่างสูงในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทย และเป็นผู้ขับเคลื่อนอาเซียนให้มีความก้าวหน้าและเป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ยังเป็นบุคคลสำคัญที่นานาประเทศให้ การยอมรับในความรู้ความสามารถ ท่านเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อการต่างประเทศไทยและเวทีระหว่างประเทศอย่างหาที่เปรียบได้ยาก

ชีวิตของดร.สุรินทร์ ยังเป็นตัวแบบและแรงบันดาลใจ แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ ให้มุ่งมั่นอดทนเติบโตขึ้นมาทำหน้าที่ต่อสังคมและโลกอีกด้วย

Screen Shot 2560-11-30 at 16.05.59 จากเด็กชายที่เกิดในครอบครัวครูสอนศาสนาอิสลามโรงเรียนปอเนาะที่เคร่งครัด เชิงเขาหลวงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โตขึ้นเรียนสายสามัญที่โรงเรียนวัดบ้านตาล บางวิชามีพระเป็นอาจารย์ จบระดับมัธยมจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศที่บ้านเกิด สอบเข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ “เสกสรรส์ ประเสริฐกุล”

ได้สัมผัสสังคมพหุวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายเพิ่มขึ้นอีก เมื่อได้ทุนตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

กลับมาเป็นอาจารย์หนุ่มหล่อที่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ก่อนตัดสินใจเข้าสู่แวดวงการเมืองเมื่อปี 2529 ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เป็น ส.ส.นคร ศรีธรรมราช 7 สมัย ได้เป็นรมช.ต่างประเทศ ปี 2535-2538 และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเดียวกันระหว่างปี 2540-2544 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย

ต่อมา ดร.สุรินทร์ ก้าวสู่เวทีระหว่างประเทศ ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการอาเซียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ในช่วงที่ประเทศไทยตกหล่มวิกฤติการ เมืองอันยืดเยื้อ ซึ่งดร.สุรินทร์ขับเคลื่อนอาเซียนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งการรับกลุ่มประเทศในอินโดจีนเข้าเป็นสมาชิกเพิ่ม

ผลักดันยุทธศาสตร์ “Constructive Engagement” ประสานและผนึกสมาชิกอาเซียนที่แตกต่างหลากหลายให้ใกล้ชิดขึ้น จนยกระดับสู่การเป็น “ประชาคมอาเซียน” ที่ทั่วโลกต้องให้ความสำคัญ ท่ามกลางกระแสโลกที่พลิกผัน

หลังครบวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ได้ใช้ประสบการณ์และองค์ความรู้ในระดับสากลที่ “รู้จักโลก” รับงานบรรยายเพื่อช่วยชี้ทิศ และนำทางการก้าวเดินไปสู่อนาคต ทั้งในระดับหน่วยงาน องค์กรจนถึง การขับเคลื่อนสังคมประเทศชาติ

แต่วันนี้สังคมไทยสูญเสียหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญไปอีกหนึ่งคนแล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,319 วันที่ 3 - 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว