16 มีนาคม 2566 นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 กล่าวถึงข่าวเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ตรวจสอบคดีทุจริตโครงการจัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตำบลและอำเภอ 32 อำเภอในจังหวัดนครราชสีมาแต่ไม่ได้มีการจัดอบรมจริง
โดยมีการเข้าตรวจบ้านพักของ นายสันติ ทวยมีฤทธิ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาว่า เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางคดีของหน่วยงานด้านการปราบปรามทุจริตแล้ว ดังนั้น ในทางคดีจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข ผู้ต้องสงสัยต้องชี้แจงพิสูจน์ตนเองภายใต้กระบวนการยุติธรรม
ส่วนการดำเนินการทางวินัยข้าราชการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยราชการต้นสังกัดนั้น เบื้องต้นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้รายงานข้อมูลมายังปลัดกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางวินัยก่อนจึงจะสรุปได้ว่า มีความผิดทางวินัยราชการหรือไม่โดยเริ่มจากการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง
หากพบว่ามีมูลตามข้อกล่าวหาจะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยต่อไปซึ่งการพิจารณาส่วนหนึ่งจะใช้ข้อมูลจากการสืบสวนของตำรวจและเจ้าหน้าที่ ปปท.ด้วย เมื่อได้ผลสรุปแล้ว คณะกรรมการจะรายงานต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยโทษทางวินัยราชการจะมี 2 ระดับ คือ โทษวินัยไม่ร้ายแรง คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือน และโทษวินัยร้ายแรง คือ การปลดออกและไล่ออก
สำหรับกรณีดังกล่าวเป็นการจัดโครงการอบรมในช่วงปีงบประมาณ 2562 ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และระหว่างที่ตรวจสอบอาจมีคำสั่งไม่ให้ปฏิบัติงานที่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการสืบสวน รวมถึงอาจให้มีการตรวจสอบโครงการจัดอบรมในพื้นที่ย้อนหลัง
ส่วนโครงการปัจจุบันให้ดำเนินการอย่างรัดกุมไม่ให้ผิดหรือละเมิดระเบียบ ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการป้องกันและป้องปรามการทุจริต ตรวจสอบการดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบ
หากมีความผิด มีโทษทางราชการ จะเสนอเข้าสู่กระบวนการของ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ในการตัดสินเอาผิดทางวินัยต่อไป ทั้งนี้ ขอย้ำให้ข้าราชการและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ทุกตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ