เปิด 5 แนวทางเผชิญเหตุอุทกภัย รัฐสั่งทุกหน่วย พร้อมรับมือ “พายุโนรู”

27 ก.ย. 2565 | 08:08 น.

รัฐบาล วาง 5 แนวทาง เผชิญเหตุอุทกภัย สั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือ “พายุโนรู” ระบุ 28 ก.ย.-1 ต.ค.65 ไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่

วันที่ 27 ก.ย. 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมความพร้อมรับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู (NORU)” ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยในวันที่ 28-29 ก.ย.65

 

และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น โดยติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แนวทางระบายน้ำ และเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
 

 นายอนุชา บูรพชัยศรี

 

นายอนุชากล่าวว่า วันนี้กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นโนรู บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทยในวันที่ 28-29 ก.ย. ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

 

จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 28 ก.ย.-1 ต.ค.65 ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

 

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้เร่งเตรียมการรับมือและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน โดยกระทรวงมหาดไทยเตรียมความพร้อมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัด รับมือผลกระทบพายุโนรู โดยวาง 5 แนวทางแผนเผชิญเหตุอุทกภัย ได้แก่
 

1.จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด ติดตามสถานการณ์พายุโนรู ประเมินสถานการณ์ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่

 

2.ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัย เตรียมความพร้อมในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้พร้อมเผชิญเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

 

3.เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัยในพื้นที่ ให้จัดชุดปฏิบัติการเข้าคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมทั้งดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

 

4.หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ให้อพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้โดยทันที

 

5.สำหรับจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย และเกิดขึ้นต่อเนื่อง ให้จัดตั้งศูนย์พักพิงและวางแผนบริหารจัดการ เพื่อรองรับการอพยพของประชาชนอย่างเป็นระบบ

 

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เร่งเตรียมความพร้อมแผนเผชิญเหตุปฏิบัติการช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าช่วยเหลือด้านต่างๆ อาทิ ช่วยเหลือรถเสียจากน้ำท่วม กีดขวางการจราจร จัดการจราจรหลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วม อำนวยความสะดวกเส้นทางสัญจร และชุดสายตรวจคอยป้องกันเหตุอาชญากรรมไม่ให้คนร้ายมาฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนที่เดือดร้อน รวมทั้งติดตามข่าวสาร เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่

 

และทุกหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนหากมีสภาวะฉุกเฉิน โดยหากอุทยานใดมีความสุ่มเสี่ยงต่อการจะเกิดอุบัติเหตุ ขอให้ปิดตัว เพื่อดูแล ป้องกันเรื่องความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

 

นอกจากนี้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้เตรียมแผนการรับมือและติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วม พร้อมทั้งเดินหน้าแผนรับน้ำเข้าทุ่งรับน้ำทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง

 

โดยดำเนินการจัดเวทีสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในแต่ละทุ่งรับน้ำ เพื่อชี้แจงสถานการณ์น้ำ เกณฑ์การรับน้ำเข้าทุ่ง ระบบการปลูกข้าวเหลื่อมเวลา มาตรการส่งเสริมการดำรงชีวิตให้กับประชาชนในพื้นที่รับน้ำ และการให้ความช่วยเหลือและการชดเชยเยียวยาผู้ประสบภัย พร้อมทั้งการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ด้วย

 

“รัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุโนรูและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน

 

โดยรัฐบาลได้ประสานงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มกำลัง และหากมีความจำเป็นได้เตรียมความพร้อมในแผนการอพยพประชาชนไว้ล่วงหน้า รวมถึงสัตว์เลี้ยง ยานพาหนะและทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ด้วย

 

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารตามช่องทางหลัก และหากต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 191 และ 1599 หรือสายด่วนนิรภัย โทร 1784 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” นายอนุชากล่าว