ผู้โดยสารอ่วม “คมนาคม” เคาะเก็บค่าแท็กซี่ 40 บาท เช็คราคาที่นี่

09 พ.ย. 2565 | 11:24 น.

“คมนาคม” เคาะเก็บค่าโดยสารแท็กซี่ เริ่ม 40 บาท เริ่มกม.ละ 6.50 บาท นำร่องรถในกรุงเทพฯ แตะ 8 หมื่นคัน ลุยใช้ราคาใหม่มาตรฐานเดียวกัน เล็งชง “ศักดิ์สยาม” อนุมัติประกาศกฎกระทรวง เผยปรับเรทราคาใหม่พุ่ง คาดผู้โดยสารอ่วมหนัก

นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีการกระทรวงคมนาคม นางสุขสำรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม พร้อมนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ร่วมประชุมหารือกับผู้แทน 4 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า และ บจก. โฮวา เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์ (ประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.65) เปิดเผยว่า ขบ. ได้ชี้แจงแก่ที่ประชุมว่า การพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารดังกล่าว เป็นการดำเนินการในรูปแบบของคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ และได้รับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค สำนักสภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ผู้แทนภาคประชาชน รวมถึงผู้แทนสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ

ผู้โดยสารอ่วม “คมนาคม” เคาะเก็บค่าแท็กซี่ 40 บาท เช็คราคาที่นี่

 ทั้งนี้ขบ. ขอให้ 4 สมาคมฯ รับอัตราค่าโดยสารที่ผ่านการพิจารณาของคณะทำงานฯ นี้ไปก่อน เพื่อให้สามารถไปสร้างรายได้เพิ่มขึ้นพอสมควร โดยประชาชนไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป ซึ่งท้ายที่สุดทางผู้แทน 4 สมาคมฯ ได้ยอมรับอัตราดังกล่าว จากนั้น ขบ. ได้รับที่จะจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม มีความเป็นสากล รวมถึงการจัดหาแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างของมิเตอร์แท็กซี่ให้มีความเหมาะสมกับปัจจุบันและเป็นสากล ส่วนในขั้นต่อไป จะได้มีการออกประกาศกระทรวงคมนาคม เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่ ก่อนเริ่มให้มีการจูนมิเตอร์ โดยผู้แทน 4 สมาคมฯ ขอให้ ขบ. ช่วยเหลือให้ค่าจูนมิเตอร์มีราคาที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระแก่ผู้ขับรถแท็กซี่จนเกินไป พร้อมทั้งเตรียมพื้นที่ในการปรับจูนมิเตอร์ให้มีความคล่องตัวและรวดเร็ว ต่อไป

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวว่า ในมติที่ประชุมครั้งนี้ เห็นชอบแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ตามที่ ขบ. และ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เสนอว่าจะปรับอัตราค่าโดยสารในราคาที่เหมาะสมดังนี้ ระยะทาง 1 กม.แรก รถเล็ก 35 บาท รถใหญ่ 40 บาท, ระยะทาง 2-10 กม. รถเล็ก กม.ละ 6.5 บาท รถใหญ่ กม.ละ 6.5 บาท, ระยะทาง 11-20 รถเล็ก กม.ละ 7 บาท รถใหญ่ กม.ละ 7 บาท, ระยะทาง 21-40 กม. รถเล็ก กม.ละ 8 บาท รถใหญ่ กม.ละ 8 บาท, ระยะทางเกินกว่า 41-60 กม. รถเล็ก กม.ละ 8.5 บาท รถใหญ่ กม.ละ 8.5 บาท, ระยะทาง 61-80 กม. รถเล็ก กม.ละ 9 บาท รถใหญ่ กม.ละ 9 บาท, ระยะทาง 81 กม. ขึ้นไป รถใหญ่ กม.ละ 10.5 บาท รถใหญ่ กม.ละ 10.5 บาท ค่ารถติด กรณีรถเคลื่อนที่ได้ช้ากว่า 6 กม./ชม. รถเล็ก 3 บาทต่อนาที รถใหญ่ 3 บาทต่อนาที

ผู้โดยสารอ่วม “คมนาคม” เคาะเก็บค่าแท็กซี่ 40 บาท เช็คราคาที่นี่
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า หลังจากประชุมครั้งนี้แล้ว ขบ. จะรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เห็นชอบมติผลประชุมครั้งนี้ ภายใน 1-2 สัปดาห์ หากได้รับความเห็นชอบแล้ว ต้องมีการประกาศกฎกระทรวงในการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ลงนาม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป 
 

ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ มีผลเฉพาะแท็กซี่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ที่อยู่ในระบบทั้งหมด 80,000 คัน จากที่ให้บริการจริงในปัจจุบัน 60,000 คัน โดยหลังจากมีมติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว จำนวนรถแท็กซี่ที่มีอยู่ต้องนำมาปรับจูนมิเตอร์ค่าโดยสารใหม่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย ขบ. จะเตรียมพื้นที่รองรับจำนวนรถแท็กซี่ที่ดำเนินการปรับมิเตอร์ราคาใหม่ครั้งนี้ด้วย เพื่อความรวดเร็ว และลดแออัดในการดำเนินการ

ผู้โดยสารอ่วม “คมนาคม” เคาะเก็บค่าแท็กซี่ 40 บาท เช็คราคาที่นี่
นอกจากนี้หลังจากปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว เน้นย้ำแท็กซี่ในเรื่องพัฒนาคุณภาพให้บริการที่ดี เช่น ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร หากพบว่ามีการกระทำผิดจะลงโทษตามกฎหมายขั้นสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบตัดแต้มใบอนุญาตขับรถ หรือหากมีการทำผิดซ้ำจะพักใช้ใบอนุญาตขับรถ 3-6 เดือน และ เพิกถอนใบอนุญาตขับรถแล้วแต่กรณี ส่วนแท็กซี่ต่างจังหวัดในการปรับขึ้นค่าโดยสารนั้นสำนักงานขนส่งจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ จะเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากแท็กซี่ต่างจังหวัดมีอัตราค่าโดยสารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเมืองท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ภูเก็ต มีอัตราค่าครองชีพสูงมาก ทำให้อัตราค่าโดยสารไม่เท่ากัน