รัฐบาลยัน แก้ปัญหาเศรษฐกิจถูกทาง ดึงเม็ดเงินลงทุนจากตปท.เพิ่ม 43.8%

18 ก.ย. 2564 | 04:12 น.

โฆษกรัฐบาล ยันรัฐบาลแก้ปมเศรษฐกิจถูกทาง ดึงเม็ดเงินลงทุนจากตปท. ไตรมาสแรกพุ่ง 43.8% อัตราการจ้างงานเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลอัตราการว่างงานลดลง ขณะที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจครึ่งปีแรก ขยับขึ้น 2.0%

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลมาถูกทางแล้ว โดยขณะนี้มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ของไทยขยายตัวสูงขึ้น ช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 มีมูลค่าทั้งสิ้น 4,012.23 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวสูงถึง 43.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงเม็ดเงินลงทุนที่ไหลกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย สัญญาณการจ้างงานเริ่มมีปรับดีขึ้น อัตราการว่างงานล่าสุด ปรับตัวลดลงเหลือ 1.9% ของกำลังแรงงาน เทียบกับอัตราการว่างงานที่เคยสูงสุดเมื่อปีก่อนที่ 2.1% คาดว่ารายได้ต่อหัวของประชาชนจะอยู่ที่ 232,024 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ 225,845.70 บาทต่อคนต่อปี จะเห็นว่ารายได้ของประชาชนมีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกขยายตัวที่ 2.0% และในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวถึง 7.5% ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นในเอเชีย เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทของภาครัฐที่เดินมาถูกทาง รวมทั้งมาตรการเยียวยา มาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จากวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี อาทิ โครงการเยียวยาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มาตรการบรรเทาภาระค่าสาธารณูปโภค มาตรการบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา มาตรการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 

รวมถึงมาตรการด้านการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และประชาชน อาทิ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) จากธนาคารออมสิน และธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งต่อไปยังสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ บรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องสภาพคล่อง มาตรการพักชำระหนี้ ทั้งในส่วนของธนาคารของรัฐ และธนาคารพาณิชย์เอกชน ตลอดจน ภาครัฐได้มีการเร่งควบคุมการแพร่ระบาดและมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วน เช่น ในพื้นที่ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ สมุยพลัสโมเดล และพื้นที่นำร่องอื่นๆ จากปัจจัยต่างๆ คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 สามารถขยายตัวเป็นบวก และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2565 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเดินหน้าพลิกโฉมประเทศ