ผบ.ตร.จ่อฟันวินัย-อาญา ผู้กำกับโจ้ ให้ออกจากราชการ

25 ส.ค. 2564 | 00:45 น.

ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ จ่อฟันวินัยเเละอาญา ผู้กำกับโจ้ กรณีคลิปฉาวใช้ถุงคลุมหัวรีดเงินจากผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติดหาจำนวน 2 ล้านบาท โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน พบอีก 13 นายอยู่ในเหตุการณ์ ลั่นนิ้วไหนไม่ดีต้องตัดทิ้ง

จากกรณีเกิดคดีดัง "ผู้กำกับโจ้" หรือ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล คลิปฉาวที่อ้างว่าผู้กำกับโจ้เเละพวกใช้ถุงคลุมหัวรีดเงินจากผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติดหาจำนวน 2 ล้านบาท เชื่อว่าเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต คลิปดังกล่าวถูกแชร์ไปในวงกว้าง เกิดเสียงวิพากวิจารย์อย่างหนัก

ล่าสุด พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้พลตํารวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และจเรตำรวจแห่งชาติ ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้เตรียมลงนามให้ผู้กำกับโจ้ออกจากราชการไว้ก่อน นอกจากนี้ยังพบผู้ร่วมในเหตุการณ์อีก 13 นาย จะมีคำสั่งอื่นๆตามมาหลังตรวจสอบข้อเท็จจริง

 

“จะแยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งการดำเนินการทางวินัยจเรตำรวจแห่งชาติที่จะที่ลงไปแล้วสองวัน วันนี้ก็กำชับให้มีการตรวจสอบเรื่องคลิปที่ปล่อยออกมา ได้คุยกันตลอดเวลา จเรตำรวจเสนอว่ามีความเห็นถ้าเป็นเรื่องที่กระทำจริงก็คงต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการสอบสวนคดีอาญาซึ่งถ้ามีใครทำให้ใครตายก็เป็นอาญาแผ่นดิน จะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน”

นอกจากนี้ยังได้กำชับตำรวจตะเวนชายแดน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ผู้กำกับโจ้และพวกหลบหนีได้  นอกจากนี้ยังให้จเรตํารวจแห่งชาติตรวจสอบประวัติการร้องเรียนในอดีตของผู้กำกับโจ้และพวก ว่ามีพฤติการณ์เป็นอย่างไร รวมถึงสืบต่อลงไปยังที่มาและเส้นทางการเงินทั้งหมด ส่วนการคุ้มครองพยานในคดี โดยเฉพาะตำรวจที่นำคลิปดังกล่าวมาเปิดเผย ตามปกติแล้วพยานในคดีจะมีมาตรการในการคุ้มครองดูแลพยานอยู่แล้ว

"เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่จะต้องมีคนสูญเสียและฝากเป็นอุทาหรณ์ให้กับเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกคน ดูเอาไว้เป็นตัวอย่างทำอะไรที่ไม่ดี ต้องได้รับสิ่งที่ตามมา จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตามแต่ นิ้วไหนไม่ดีต้องตัดทิ้ง คนที่ทำไม่ดี คนเลวก็ต้องได้รับผลกรรมที่ได้ทำลงไว้ เราไม่สามารถจะเอาคนแบบนี้ไว้ได้ คนส่วนใหญ่จะได้เดินต่อได้ ผมเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่ปฎิบัติดี ขอฝากไว้เราเป็นผู้รักษากฎหมาย รักษากติกาสังคม”