หุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นขนาดนี้ ยังลงทุนได้ไหม

24 ส.ค. 2564 | 02:45 น.

กองทุนบัวหลวงชี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง แต่กลับมีความผันผวนที่ค่อนข้างน้อย นักลงทุนควรมีหุ้นสหรัฐฯ ไว้ในพอร์ต

ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนือง และถ้าดูจากข้อมูลวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา เทียบกับวันที่ 23 มี.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันที่หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงต่ำสุดจากวิกฤติโควิด-19 พบว่า ดัชนีหุ้น S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาเท่าตัวแล้ว ทำให้นักลงทุนเกิดคำถามตามมาว่า ถ้าอยากเข้าไปลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ ยังสามารถลงทุนได้หรือไม่ หรือราคาแพงเกินไปแล้ว และถ้ายังลงทุนได้ ต้องเลือกลงทุนอย่างไร

 

นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวงเปิดเผยว่า หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 แต่ถ้านับจากช่วงที่เริ่มฟื้นตัวจนถึงเวลานี้ (เดือน ส.ค. 2564) ก็ยังเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.  บัวหลวง จำกัด

 

ตัวแปรที่นักลงทุนชอบดูก่อนลงทุน คือ ราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูง แต่ก็มีแนวโน้มลดลง เพราะก่อนหน้านี้ หุ้นปรับขึ้นตามความคาดหวังของนักลงทุนที่มองไปถึงอนาคตที่สดใส โดยที่ผลประกอบการยังไม่ได้ดีขึ้นตาม เรียกว่า ราคา (P) มา แต่ผลประกอบการ (E) ไม่ได้ขยับตาม

 

ทำให้หุ้นดูราคาไม่สมเหตุสมผล แต่หลังจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเริ่มดีขึ้น ดังนั้น  ก็จะทำให้ P/E ลดลง อีกประเด็นหนึ่ง คือ ในภาวะดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ค่า P/E ก็สามารถอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติได้

 

ที่สำคัญคือ การจับจังหวะตลาดเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักลงทุน และที่ผ่านมา ผลงานตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง แต่กลับมีความผันผวนที่ค่อนข้างน้อย  ดังนั้นนักลงทุนก็ควรมีหุ้นสหรัฐฯ ไว้ในพอร์ต

 

ไม่เพียงเฉพาะด้วยความใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้งในแง่เศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 22.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 4 ของทั้งโลก หรือตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มูลค่า บริษัทจดทะเบียนรวมกันเกินครึ่งหนึ่งของทั้งโลก แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ บริษัทที่คิดค้นนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบริษัทในสหรัฐฯ และบริษัทเหล่านี้เอง คือ ผู้ขับเคลื่อนผลประกอบการที่ดี

 

แม้เราจะแนะนำว่า นักลงทุนยังเข้าลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ แต่เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า ก็ควรวางกลยุทธ์การลงทุอย่างเหมาะสม โดยเรามองว่า การลงทุนแบบเชิงรุก หรือ Active โดยมุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นเติบโตเหมาะกับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เวลานี้ 

 

การลงทุนแบบนี้ สอดคล้องกับแนวทางลงทุนของกองทุนบัวหลวงที่เน้นเรื่อง good stock + good trade = good performance ที่เชื่อว่าการเลือกหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสม จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

อย่างเช่น กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) กองทุนน้องใหม่ที่ขาย IPO วันที่ 17-24 ส.ค.นี้ ซึ่งจะไปลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Growth Fund  เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนของกองทุนบัวหลวงจะคัดเลือกลงทุนหุ้นรายตัวในสหรัฐฯ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทน

 

หลักการค้นหาหุ้นเติบโตของกองทุนนี้ก็คือ มองหาหุ้นที่เติบโตสอดคล้องกับเทรนด์ระยะยาว เช่น เทคโนโลยี พลังงานสะอาด รวมทั้งหุ้นที่เติบโตตามวัฎจักรเศรษฐกิจ และสิ่งที่โดดเด่นของกองทุนนี้ก็คือ สามารถไปลงทุนได้หลากหลายอุตสาหกรรม ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้นๆ กองทุนมองเห็นโอกาสในกลุ่มไหน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งที่ตอบโจทย์การลงทุนในยุคนี้ได้ดี ยุคที่ตลาดมีความซับซ้อนมากขึ้น