ประธานก.อ.จี้แก้บทละคร“ให้รักพิพากษา”ต้องไม่บิดเบือนหน้าที่อัยการ

13 ส.ค. 2564 | 07:33 น.

 “อัยการ”ฮือ ประธานก.อ.จี้ผู้จัดละคร “ให้รักพิพากษา” แก้บทให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นเจอดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้ง “ช่อง-ผู้ผลิต-ผู้เขียนบท-ผู้แสดงละคร” ชี้อัยการทั่วประเทศรับไม่ได้เสียหายภาพลักษณ์ ประชาชนเข้าใจบทบาทหน้าที่อัยการผิด

วันที่ 13 สิงหาคม 64 นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เเละอดีตอัยการสูงสุด กล่าวถึงการนำเสนอละคร “ให้รักพิพากษา” ซึ่งเป็นละคร ช่อง 3 มีเนื้อหาบิดเบือนการทำหน้าที่ของพนักงานอัยการว่า เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนทราบว่า ละครเรื่องนี้เดินเรื่องบทบาทการเป็นพนักงานอัยการ ของสำนักงานอัยการไม่สำรวมไม่ถูกต้อง 

 

อัยการทั่วประเทศรับไม่ได้กับบทละคร และผู้แสดงเป็นหัวหน้าพนักงานอัยการของละครเรื่องนี้ จะเห็นว่าการเดินบทละครเรื่องนี้ การแสดงของหัวหน้าอัยการใช้วาจาไม่สำรวม ตามจีบทนายสาว เเละชวนทนายสาวมาเป็นอัยการ โดยไม่ผ่านการสอบตามกฎหมายของสำนักงานอัยการสูงสุด ถือเป็นการเขียน เดินบทละคร บิดเบือนจากตัวบทบทกฎหมายการเข้าสู่วิชาชีพการเป็นพนักงานอัยการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

 

มีการใช้วาจาดูแคลนทนายความ หากมีความเป็นจริงแบบนี้เกิดขึ้นจริงพนักงานอัยการผู้ใดประพฤติเช่นนี้ จะต้องถูกลงโทษทางวินัย ไม่รักษาเกียรติศักดิ์ของการเป็นพนักงานอัยการ

 

หรือแม้กระทั่งการถ่ายทำบทบาทการว่าคดีในศาลยุติธรรม ความเป็นจริงศาลผู้พิจารณาคดีโดยปกติ ผู้พิพากษาจะนั่งพิจารณาเป็นองค์คณะ 3 ท่าน การอ้างอิงการสืบพยานในศาลจะต้องทำตามกระบวนพิจารณาเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามบัญชีพยานที่คู่ความยื่นอ้างไว้ต่อศาล ไม่ใช่จะไปเรียกขอให้ศาลส่งเอกสารพยานได้ตามใจชอบของคู่ความ

 

การเดินบทละคร การว่าความในกระบวนการยุติธรรม ต้องทำให้ถูกต้องตามกระบวนการที่มีการประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมาย ไม่ใช่จะเดินเรื่องตามความคิดของผู้เขียนบทละคร หากยังเดินเรื่องบทละครตามสภาพการแสดงนี้ต่อไป จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานอัยการสูงสุด เกิดภาพลักษณ์เสียหายต่อพนักงานอัยการทั่วประเทศ และจะทำให้ประชาชนเข้าใจบทบาทหน้าที่การรักษากฎหมายของพนักงานอัยการที่ผิด และเสื่อมเสียแก่พนักงานอัยการในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

 

“ผมในฐานะประธาน ก.อ.และพนักงานอัยการทั่วประเทศ ไม่อาจที่จะยอมรับบทละครเรื่องนี้ได้ต่อไป และขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, ผู้ผลิต, ผู้เขียนบทละครเรื่องนี้ และผู้แสดงบทละครเรื่องนี้ ที่แสดงในบทบาทการเป็นพนักงานอัยการที่ผิดๆ ตามกฎหมายต่อไป”

 

ด้าน น.ส.สุภาภรณ์ ไชยปุรณะ อัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี ในฐานะกรรมการประชาสัมพันธ์เนติบัณฑิตยสภา กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัว เข้าใจว่าละครก็อาจจะมีการแต่งเติมสีสันไปบ้าง แต่ละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม การเขียนบทละคร หรือ การดูเนื้อหาของเรื่องต้องใช้ความละเอียดรอบคอบพอสมควร 

 

โดยเฉพาะถ้ากระทบกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม การให้เนื้อหาในส่วนของกระบวนการขั้นตอนต้องถูกต้อง เพราะประชาชนที่ไม่รู้ขั้นตอนอาจจะเข้าใจผิดแล้วก็เสียหายได้ ความเสียหายอาจเกิดได้ทั้งหน่วยงานและประชาชนที่รับข้อมูลที่ผิดพลาด 

 

เช่น ละครนำเสนอเกี่ยวกับลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลย การดึงเอกสารออกจากสำนวน หรือ ชวนทนายความมาเป็นอัยการได้เลย อันนี้คือผิดผลาดคลาดเคลื่อนอย่างมาก เชื่อว่าการเขียนบทละครแบบนี้ ต้องมีคนที่เรียนจบทางกฎหมายให้ข้อมูล 

 

แต่สงสัยว่า คนให้ข้อมูลไม่รู้กระบวนการในการพิจารณาชั้นศาลเลยหรือ ถึงให้ข้อมูลผิดพลาด แทนที่ประชาชนจะได้ความรู้จากละครไปด้วย แต่กลับได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง สงสัยว่าทำไมทนายความ หรือนักกฎหมายเก่งๆ ที่รู้จริงในขั้นตอนมีมากมาย ทำไมไม่ถาม หรือเจตนาให้ออกมาเป็นแบบนี้

 

“ดูละครก็ทำให้คิดไปได้ว่า คนให้ข้อมูลกับละครมีอะไรกับอัยการรึเปล่า ให้อัยการดูเป็นตัวร้าย ก็เข้าใจว่าวางพล็อตเรื่องเป็นแบบนี้ ใช่ว่าอัยการจะแตะต้องไม่ได้ ก็แล้วแต่เนื้อเรื่อง เราไม่ใช่เทวดา จะต้องเป็นพระเอก นางเอก ที่ห่วงคือ ขั้นตอนต่างๆ ที่สื่อไปผิดพลาด” 

 

น.ส.สุภาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า การเป็นอัยการ ต้องจบเนติบัณฑิตยสภา แต่ทนายความไม่ต้องจบเนติฯ แค่จะสอบเนติฯ ผ่าน คนสอบก็เป็นพันเป็นหมื่น กว่าจะมีใบเบิกทางมาสอบอัยการได้ ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ อัยการเป็นข้าราชการ รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ให้ความยุติธรรมแก่ประชาชน ส่วนทนายความรับค่าจ้างทำงานให้ลูกความ (เว้นทนายอาสา) ละครจะแต่งให้ใครเป็นตัวดีตัวร้ายก็ได้ แต่หลักต้องถูกต้อง จะแต่งให้อัยการมาจีบทนาย แต่จีบไม่ติดก็ได้ ในละครอัยการอาจจะเป็นตัวร้าย แต่เรื่องจริง อัยการมีจิตใจดี อัยการยินดีต้อนรับประชาชนทุกคน

ส่วน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เป็นละครที่มีการนำเสนอที่บิดเบือน การทำงานของอัยการที่เสียหายมาก เช่น คดีไม่สำคัญมอบอัยการผู้ช่วยทำ หรือ ชวนทนายมาเป็นอัยการ เพราะกำลังขาดคนหรือการทำงานโดยเลือกเอาเอกสารออกจากสำนว นฯลฯ ซึ่งทั้งหมดทำให้สังคมเข้าใจบทบาทอัยการที่ไม่ถูกต้องอย่างรุนแรง กระทบต่อความรู้สึกของอัยการทั่วประเทศ “ในนามทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้ประสานไปยัง ผู้ประกาศข่าว ช่อง 3 เพื่อประสานผู้จัดละครให้ทราบข้อเท็จจริงและหาทางแก้ไขโดยด่วน”

 

นายประยุทธ์ กล่าวว่า เเม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นละครเ เต่ก็มีการเผยเเพร่ไปยังประชาชนทั่วประเทศ อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหลายประเด็น ที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการยุติธรรม ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่า ถ้าหากมีคดีเล็กน้อย ก็จะให้อัยการผู้ช่วยเป็นคนทำทั้งที่ทุกคดีมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ทางอัยการจะพิจารณาตามพยานหลักฐานอย่างรัดกุมที่สุด

 

หรือมีการเสนอเนื้อหาที่ว่า สามารถทาบทามบุคคลมาเป็นพนักงานอัยการได้ ทั้งที่ความจริงการเข้าสู่ตำเเหน่งพนักงานอัยการ จะต้องสอบเข้ามาเป็นอัยการผู้ช่วย ต้องมีคุณสมบัติตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด เเละมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องรองรับไว้ เเละยังมีประเด็นอื่นๆที่ผิดอีกเช่น เป็นอัยการเเล้วต่อไปจะเลื่อนขั้นเป็นผู้พิพากษา ซึ่งเนื้อหาเป็นการบิดเบือนอย่างมาก จึงอยากสะท้อนไปยังผู้จัดละครให้ดำเนินเนื้อเรื่องด้วยความระมัดระมัดระวังไม่ให้สังคมเข้าใจผิด

 

“เรื่องนี้อัยการทั่วประเทศไม่พอใจได้ สื่อสารมาเเละเเสดงออกลงในสื่อโซเชี่ยลมีเดียในวันนี้จำนวนมาก ขอยกตัวอย่างละครของค่ายนาดาว เรื่องเลือกข้นคนจางก่อนที่จะการนำเสนอออกอากาศก็มีการมาปรึกษาหาความรู้จากทางสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อนำเสนอให้สังคมไม่เข้าใจผิด อยากให้ผู้จัดละครดำเนินการเเก้ไข” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดระบุ

 

ขณะที นายอดิศร ไชยคุปต์ รองอธิบดีอัยการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ส่งเมล์ไปยังผู้จัดละครเรื่องดังกล่าว ความว่า เรียนผู้จัดละครเรื่อง “ให้รักพิพากษา” และผู้บริหารช่อง 3 ด้วยบทละครผู้เล่นบทพนักงานอัยการ มีการส่อถึงการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการที่ไม่ชอบขัดต่อความเป็นจริง และไม่ตรงต่อหลักการดำเนินคดีของพนักงานอัยการที่ต้องมุ่งค้นหาความจริงให้ ปรากฏในศาลเพื่อความยุติธรรมพนักงานอัยการไม่ใช่คู่แพ้ชนะกับผู้ต้องหาและจำเลย 

 

และการเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานอัยการ ต้องมีการสอบเข้าโดยมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับการสอบเข้าเป็นผู้พิพากษา อันเป็นบทบัญญัติตามกฎหมาย บทละครดังกล่าวทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในวิชาชีพพนักงานอัยการก่อให้เกิดความเสียหายต่อพนักงานอัยการและองค์กรอัยการ และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นการไม่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ต่อสังคม
 

เรื่องย่อละคร “ให้รักพิพากษา”

 

สำหรับละคร “ให้รักพิพากษา” ออนแอร์ทางช่อง 3 วันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. นำแสดงโดย เบลล่า ราณี, กองทัพ พีค, อู๋ ธนากร, พิ้งกี้ สาวิกา บทละครโดย ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส

 

เป็นเรื่องราวของ ทนายทิชา หรือ ทิชากร (เบลล่า ราณี) ทนายความสาว working woman ที่สวยและเก่งมาก เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่โสด
ถึงจะผู้ชายหลายคนเข้ามาจีบทิชา แต่ทิชาไม่สนใจเรื่องความรักอีกเลยตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าไป เพราะต้องการคว้าตำแหน่งพาร์ตเนอร์ผู้หญิงคนแรกของบริษัทรอสแอนด์ฮาร์วี่ย์มาเป็นของเธอให้ได้

 

ขณะที่ คุณนายชุมพร (ใหม่ นัฏฐา) แม่ของทิชาอยากให้ทิชาหาผู้ชายดี ๆ เพื่อแต่งงานมีครอบครัวที่ดี แต่ทิชาก็ทำให้แม่ผิดหวังมาตลอด จนกระทั่ง เบนจามิน หรือ บอสเบน (อู๋ ธนากร) MD ของบริษัทฯ ที่ดีพร้อมทุกอย่างทั้งวุฒิการศึกษา หน้าตา และฐานะ ออกตัวแรงว่าอยากจีบทิชา แต่ทิชากลับนิ่งเฉย ขณะที่ น้ำ (มะปราง วิรากานต์) และ เจซซี่ (แป้ง ณัฐณิชา) เพื่อนสนิทของทิชาก็ดีใจมากเช่นกันที่เพื่อนจะขายออกซะที

 

ทิชาต้องการแข่งขันเรื่องงานกับ คามีเลีย (พิ้งกี้ สาวิกา) ทนายความสาวสวยที่เก่งมากอีกคนหนึ่งของบริษัทฯ จริงจังเรื่องงานและจับพิรุธคนเก่ง โดยมีลูกมืออย่าง แต้ว (มายด์ ฑาริกา) เป็นทนายผู้ช่วยทีมเธอ ซึ่งบอกเลยว่าศึกครั้งนี้ไม่ง่ายเลย

 

ทนายสาวกับลูกน้องทั้งสองทีมพร้อมฟาดเพื่องานและเพื่อหัวใจ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำให้ทิชารีบสั่งงาน ดาหลา (น้ำฟ้า ธัญญภัสร์) ทนายผู้ช่วยของเธอ ให้นำคดีที่เธอทำค้างไว้ทั้งหมดมาประชุมด่วนเพื่อทำให้สำเร็จโดยเร็ว และเปิดรับทนายฝึกตั๋วคนใหม่เข้าทีมของเธอ คือ คิว (กองทัพ พีค) เด็กหนุ่มคนเดียวที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตและทำให้ทิชาใจสั่นและหวั่นไหวกับความรักได้อีกครั้ง

 

ย้อนไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คิวอยู่กับ พ่อพงษ์ (กบ ทรงสิทธิ์) สองคนตามลำพัง หลังจากที่ แม่พิม (เต๋า สโรชา) ทิ้งพ่อกับคิวไปมีครอบครัวใหม่ คิวกลายเป็นเด็กเกเรตั้งแต่นั้น จนกระทั่งคิวได้รู้จักทิชา คิวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อนสนิทอย่าง ป้อน (เค้ก นัทธวัชร์) กับ ติณ (แก๊ป จักริน) ยังแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคิว จากเด็กไม่ตั้งใจเรียน กลายเป็นเด็กตั้งใจเรียนที่มีเป้าหมายในชีวิต คือการเป็นทนายความเหมือนทิชาให้ได้ คิวขอร้องให้ทิชาติวหนังสือให้เพื่อเตรียมเอนทรานซ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น เหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ดี
จนกระทั่ง นรา (อ้น สราวุธ) อัยการหนุ่ม แฟนเก่าของทิชา กลับมาง้อขอคืนดี หลังจากที่แอบนอกใจทิชาจนเลิกรากันไป คิวรับไม่ได้ โกรธแทนทิชา และไม่อยากเห็นทิชา ต้องเสียใจซ้ำสอง 

 

หลังจากวันนั้นคิวกลัวว่าจะเสียทิชาไป คิวตัดสินใจสารภาพรักกับทิชา ทิชาก็รู้สึกหวั่นไหวในใจลึก ๆ แต่ไม่ยอมรับใจตัวเอง ทิชาตัดสินใจหายไปจากชีวิตคิวทันที โดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา คิวเสียใจมาก แต่คิวทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่ตั้งใจเรียนเพื่อเรียนจบและเป็นทนายความให้ได้ เพื่อนำพาตัวเองเข้าสู่วงการอาชีพทนายความ และตามหา พี่ทิชา ผู้หญิงที่เขารักให้เจอ

 

ในที่สุด วันนี้คิวก็ตามหาพี่ทิชาจนเจอ แต่ทิชาช็อกมาก ทิชาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักคิว เพราะทิชาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างเธอกับคิวถูกเปิดเผยในออฟฟิศเวลานี้ ทิชาตัดสินใจปฏิเสธไม่รับคิวเข้าร่วมทีมทันที คิวจึงถูกย้ายไปอยู่ทีมทนายศักดิ์ (เกิร์ก ชิลเลอร์) ถึงแม้ว่าคิวจะถูกย้ายไปอยู่ทีมทนายศักดิ์ แต่คิวก็แอบช่วยพาทิชาทำคดีสำเร็จ เบนจามินเห็นความสามารถและความตั้งใจของคิว จึงเรียกคิวมาคุยและสั่งย้ายคิวไปอยู่ทีมทิชา

 

งานแรกที่คิวกับทิชาต้องทำร่วมกันคือคดีของ คุณแอมมี่ (ท็อป ดารณีนุช) สาวใหญ่อายุ 40 อยากยื่นคำร้องฟ้องหย่ากับสามีเด็กชื่อ แจ๊ก (ปาล์ม ศุภชัย) ที่เธอจับได้ว่าเขาแอบคบชู้ ทิชาตั้งใจทำคดีนี้เต็มที่ แต่แอมมี่ไม่ให้ความร่วมมือกับทิชาเท่าไหร่เพราะไม่ชอบชะนี แต่เมื่อเบนจามินพาคิวไปพบแอมมี่ในฐานะทนายผู้ช่วยของทิชา แอมมี่ก็ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะชอบเด็กหนุ่ม สุดท้ายทิชาชนะคดีนี้เพราะสืบหาข้อมูลและพบว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่ มะนาว (ดีใจ ดีดีดี) เพื่อนสนิทของแอมมี่ ที่คดีพลิกไปพลิกมาจนเดาไม่ถูก

 

กำแพงในใจของทิชาที่มีต่อคิวลดลงไปหน่อยหนึ่ง เธอยอมรับว่า เธอจำคิวได้ แต่ก็ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคิวชัดเจน ว่าเป็นแค่หัวหน้าและลูกน้องกันเท่านั้น 

 

หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทำคดีด้วยกันมาเรื่อย ๆ จนคดีนี้ทำให้คิวได้รู้จักกับ จูน (ลาล่า ลาริสา) หลานสาวคุณแอมมี่ ที่ชอบคิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน จูนออกตัวแรงเลยว่าเธอชอบคิวและอยากได้คิวเป็นแฟน 

 

ทิชาพยายามวางตัวเป็นหัวหน้าของคิว เว้นระยะห่างชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของทิชากับคิวพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ต้องแอบคบกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จนบางครั้งคิวเริ่มอึดอัดแต่ต้องอดทน เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้เป็นแฟนกับทิชาแล้ว 

ขอบคุณบทคัดย่อละคร “ให้รักพิพากษา” จาก https://www.ch3thailand.com