ปอร์เช่ ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนี มุ่งสู่ความเป็นกลางคาร์บอนด้วยหลากหลายกระบวนการ ตั้งแต่การดำเนินงานของบริษัท การผลิต และเพิ่มสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้า (ปลั๊ก-อินไฮบริด และ อีวี) แต่ในอีกด้านหนึ่งยังพยายามรักษาอัตลักษณ์ของสปอร์ตคาร์ เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine - ICE) เอาไว้ ด้วยการพัฒนา น้ำมันสังเคราะห์ eFuels
ล่าสุดร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันสัญชาติชิลี Highly Innovative Fuels (HIF) เพื่อเริ่มต้นการผลิต น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ที่โรงงานนำร่อง Haru Oni ในเมือง Punta Arenas
สำหรับ น้ำมันสังเคราะห์ eFuels ถูกผลิตขึ้นจากน้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการใช้พลังงานลม ซึ่งส่งผลให้การทำงานของเครื่องยนต์เข้าใกล้สภาวะที่ปราศจากสารประกอบคาร์บอน CO2
รายงานจากปอร์เช่ เอจี ระบุว่า น้ำมันสังเคราะห์ eFuels มีศักยภาพที่สามารถไปต่อได้อีกยาวไกล จากการที่มีรถยนต์บนท้องถนนในปัจจุบันมากกว่า 13,000 ล้านคัน ที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในวิ่งอยู่ทั่วทุกมุมโลก รถยนต์เหล่านี้มีจำนวนมากที่จะถูกใช้งานเป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปีขึ้นไป ซึ่ง eFuels จะช่วยให้เจ้าของรถยนต์ปอร์เช่มีทางเลือกในการขับขี่ยานพาหนะที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกับการปราศจากสารประกอบคาร์บอน
ทั้งนี้ ในช่วงแรกเตรียมผลิต น้ำมันสังเคราะห์ 130,000 ลิตรต่อปี และจะถูกนำไปใช้กับโครงการ lighthouse projects เพื่อรองรับการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup รวมทั้งกิจกรรมของศูนย์สร้างเสริมประสบการณ์ Porsche Experience Centers
หลังจากนั้น จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 55 ล้านลิตรต่อปี และอีกประมาณ 2 ปีคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 550 ล้านลิตร
ปอร์เช่ วางเป้าหมายให้ทั้งห่วงโซ่ของบริษัทปราศจากสารประกอบคาร์บอนภายในปี 2030 ซึ่งครอบคลุมถึงยุติการใช้สารประกอบคาร์บอนสำหรับยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์มีส่วนในการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ด้วยการลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,400 ล้านบาท) นอกจากประเทศชิลีแล้ว ปอร์เช่วางแผนเปิดโรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ eFuel ที่ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย อีกด้วย