บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นการเข้ามาทำธุรกิจโดยตรงจากบริษัทแม่สหรัฐอเมริกา พร้อมนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า EV จากจีน มาทำตลาดตั้งแต่ปี 2566 คือ Tesla Model 3 และ Tesla Model Y ปัจจุบันเป็นรุ่นเฟซลิฟต์ (ไมเนอร์เชนจ์) ราคาเริ่มต้น 1.599 ล้านบาท และ 1.719 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่ยอดจดทะเบียนเทสลา ปี 2567 มีจำนวน 4,120 คัน และปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม ทำได้ 2,915 คัน เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (2,537 คัน)
หลังเข้ามาลุยธุรกิจในไทยเกือบ 3 ปี มีจำนวนรถขายสะสมกว่า 1 หมื่นคัน แต่จำนวนศูนย์บริการเต็มรูปแบบ Tesla Service Center ยังมีเพียงแห่งเดียวที่ถนนรามคำแหง
จากจำนวนรถยนต์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กับโมเดลธุรกิจที่เทสลา จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งในส่วนการขาย และบริการหลังการขาย (อาจจะมีพันธมิตรในการทำศูนย์ซ่อมสี-ตัวถัง) หรือไม่เปิดรับดีลเลอร์เหมือนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ส่งผลให้ Tesla Service Center มีความหนาแน่น ลูกค้าหลายเคสต้องรอคิวเข้ารับบริการพอสมควร (เมื่อเทียบกับรถยุโรป หรือญี่ปุ่น ในระดับราคาใกล้เคียงกัน)
ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาสุกงอม พร้อมแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานของการดำเนินธุรกิจ ล่าสุด เทสลา ประเทศไทย ปฏิเสธไม่รับบริการหลังการขายรถที่ซื้อมาจากผู้นำเข้าอิสระแล้ว
ทั้งนี้ ก่อนที่เทสลา สหรัฐอเมริกา จะเข้ามาเปิดธุรกิจในไทย บรรดาแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี ต้องการใช้ EV ที่แสดงถึงความทันสมัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม ต้องซื้อ Tesla Model S, Model X หรือ Model Y พวงมาลัยขวาที่เกรย์มาร์เก็ต สั่งเข้ามาขาย(จากอังกฤษ หรือเป็นเวอร์ชันจากฮ่องกง) ซึ่งรวมๆ แล้วมีหลัก 1,000 คันเช่นกัน
โดยเทสลา ประเทศไทย แจ้งว่าในขณะนี้ไม่สามารถให้บริการหรือรับรถยนต์ที่นำเข้าผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการได้ (grey market vehicles) ทางเราขอแนะนำให้ท่าน ติดต่อผู้ที่นำเข้ารถยนต์ของท่านหรือผู้จำหน่ายเพื่อหารือทางเลือกในการรับบริการ
หากนโยบายของ เราเปลี่ยนแปลงในอนาคตเราจะแจ้งให้ทราบถึงการอัปเดตผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการของเทสลา
จากนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ซื้อรถผ่านผู้นำเข้าอิสระ (หลายคนซื้อรถใหม่เพิ่มเติมจาก เทสลา ประเทศไทย ด้วยซ้ำ) ออกมาแสดงความเห็นในเชิงว่า “ถูกเทสลา หักหลัง” และกระทบความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูง
สำหรับ เทสลา ประเทศไทย ไม่ได้ออกมาตอบโต้ หรือชี้แจงในประเด็นนี้ แต่ตามแผนงานที่วางไว้เตรียมเปิด Tesla Service Center เพิ่มอีกหนึ่งแห่ง บนถนนพระราม 5 วันที่ 26 กันยายนนี้ เพื่อรองรับงานขายและบริการหลังการขายโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก
ด้าน Service Express ศูนย์บริการด่วน ดูแลงานไม่ซับซ้อน เช่น ตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก เปลี่ยนไส้กรองอากาศ ตรวจสอบสภาพยาง ยังมี 3 แห่งที่ ถนนราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี และสาขาถนนแม่เหียะ จ.เชียงใหม่ รวมถึงสาขาถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จ.ภูเก็ต
ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้าขยายสถานี Supercharger ที่สามารถจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงสูงสุดที่ 250 kWh ปัจจุบันมี 31 แห่งทั่วประเทศ ส่วนสถานีชาร์จ Destination Charger จ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kWh ขยายเป็นกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ
เหนืออื่นใด ลูกค้าสามารถไปดูและลองขับรถคันจริงได้ที่ Tesla Center รามคำแหง และ Tesla Experiance สยามพารากอน และเซ็นทรัลเวสต์เกต ส่วนโปรโมชันตอนนี้ Model Y รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.99% แถมประกันภัยชั้น 1 ปีแรก ส่วน Model 3 ดอกเบี้ย 0% แถม Wall Charge
สำหรับประเทศไทย ที่นำเข้า เทสลา มาจาก โรงงานกิกะแฟคทอรี เซี่ยงไฮ้ ที่ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทว่ายอดขายในจีน 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.68) ทำได้ 4.32 แสนคัน ลดลง 17.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ดังนั้นการผลิตเพื่อส่งออก จึงมีความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงในฐานการผลิตแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน รายงานว่า การผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ NEV (รวม EV และ PHEV) ในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ของจีนมีจำนวน 9.63 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 37.3% ปัจจุบันค่ายรถยนต์แบรนด์จีน ยังนำเข้า EV มาทำตลาดในไทยหลายรุ่น ด้วยภาษีนำเข้า 0% แม้จะมีแผนตั้งโรงงานหรือเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยแล้วก็ตาม