บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากจีน ตอนนี้มาแนวทางรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์กันหลายค่ายแล้วละครับ ส่วนจะทำเป็นรถปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) หรืออีวีแบบขยายระยะทางการวิ่ง (REEV-Range Extended Electric Vehicle) ก็แล้วแต่แนวคิดการพัฒนาและความพร้อมด้านเทคโนโลยีของตนเอง
โดย PHEV และ REEV มีเครื่องยนต์ เจเนอเรเตอร์ มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เหมือนกันแต่ต่างกันที่บทบาทหน้าที่การทำงาน
สำหรับ PHEV เครื่องยนต์ยังขับเคลื่อนรถได้โดยตรงอยู่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุไม่มากเท่ากับ REEV และวิ่งในโหมด EV ล้วนๆ ได้ระยะทางสั้นกว่า
ส่วน REEV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนรถเพียงอย่างเดียว อารมณ์การตอบสนองเหมือนการขับ EV ส่วน เครื่องยนต์และเจเนอเรเตอร์ ทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จเมื่อเดินทางไกล อาศัยการแวะปั๊มเติมน้ำมันได้ปกติ
ล่าสุดผมมีโอกาสเดินทางไปประเทศสเปน ตามคำเชิญของสเตลแลนติส และพระนครยนตรการ ตัวแทนจำหน่าย Leapmotor อย่างเป็นทางการในไทย เพื่อทดลองขับเอสยูวี C10 REEV
พระนครยนตรการ กลับมาในฐานะดิสทริบิวเตอร์รถยนต์อีกครั้งกับ Leapmotor แบรนด์ในเครือสเตลแลนติส โดยนำเข้า Leapmotor C10 EV จากจีนมาเปิดตัวในไทยปลายปี 2567 ปัจจุบันแบ่งการขายเป็น 2 รุ่นย่อยคือ Style ราคา 978,000 บาท และ Design 1,098,000 บาท สเปกระบบขับเคลื่อนเหมือนกัน มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหลังกำลัง 218 แรงม้า แบตเตอรี่ LFP 69.9 kWh วิ่งได้ 477 กม./ชาร์จ (NEDC)
ในส่วน Leapmotor C10 REEV ที่ไปเปิดตลาดในยุโรปแล้ว ส่วนเมืองไทยคาดว่าต้องรอโรงงานของสเตลแลนติส ที่ประเทศมาเลเซีย เปิดสายการผลิตถึงจะนำเข้ามาทำตลาดปี 2569 (ตามกรอบ AFTA ภาษีนำเข้า 0%)
C10 รุ่น REEV และ EV มองภายนอกแทบดูไม่รู้ครับว่ารุ่นไหนเป็นไฟฟ้าล้วนหรือมีเครื่องยนต์ (ด้านท้ายก็ซ่อนปลายท่อไอเสียไม่ให้เห็น) แต่สังเกตได้จุดเดียวคือมีฝาถังน้ำมันเพิ่มเข้ามา (อยู่ตรงข้ามกับช่องชาร์จไฟ)
Leapmotor C10 REEV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ประกบเจเนอเรเตอร์ ผลิตไฟฟ้าได้ 50 kW พร้อมถังน้ำมัน 50 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังกำลัง 215 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร
ชุดแพกแบตเตอรี่ LFP ความจุ 28.4 kWh วิ่งในโหมด EV ล้วนๆ ได้ 145 กม. และเมื่อรวมทั้งพลังงานในแบตเตอรี่ พร้อมน้ำมันเต็มถัง จะวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 970 กม.
การทดสอบจากบาเลนเซีย วิ่งขึ้นไปบาร์เซโลนา ระยะทางประมาณ 400 กม.(ใช้เวลา 2 วัน) กับรถพวงมาลัยซ้าย เส้นทางขึ้น-ลงเขา ผ่านชุมชน และได้ออกมาซัดบนทางด่วน(จำกัดความเร็ว 120 กม./ชม.) การตอบสนองให้อารมณ์เหมือนรุ่น EV ทุกประการ แม้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จะช้ากว่ากันเล็กน้อย โดย C10 REEV ทำได้ 8.5 วินาที ส่วน EV 7.5 วินาที แน่นอนว่าการขับขี่จริงไม่รู้สึกถึงความต่างครับ
ผมชอบสมรรถนะการขับขี่ ที่ไม่ต้องทำให้จี๊ดจ๊าดดุดัน เพื่อจะบอกว่านี่คือประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้านะ แต่สามารถขับขี่ได้เนียนๆ อัตราเร่งดีแบบไม่ฉุดกระชาก สอดคล้องกับการออกแบบที่ดูเรียบๆ ไม่ต้องตะโกนว่า ฉันคือ EV หรือ REEV ตามแบบฉบับที่ค่ายรถจีนชอบทำ
เอสยูวีความยาว 4.74 เมตร รูปทรงสุขุม(ด้านท้ายมีความแอบคล้ายปอร์เช่ มาคันน์) หรือดูล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ยังเป็นลวดลายซี่ๆ แบบเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย กล่าวคือไม่ใช่ทรงยุคใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องแปะแอโรว์ วีล มาแทรกให้เต็มวง เพื่อหวังตัดลม ลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน
ภายในดูสะอาดตา ช่องแอร์ซ่อนมิดชิด การควบคุมต่างๆ รวมศูนย์อยู่ที่หน้าจอกลางขนาด 14.6 นิ้ว ขณะที่ชิ้นงานการประกอบพรีเมี่ยม วัสดุสัมผัสนุ่ม เบาะหนังนั่งสบาย เดินทางไกลไม่ปวดหลัง
จุดเด่นของ C10 REEV คือการเก็บเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร แม้บางช่วงจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ติดขึ้นมาทำงานบ้าง แต่ในภาพรวมถือว่าเงียบใช้ได้
สอดคล้องกับช่วงล่างออกแนวนุ่ม สมดุลของการถ่ายเทน้ำหนักดีเมื่อขับความเร็วสูง ซึ่งวิศวกรของสเตลแลนติส ย้ำว่าเซ็ทระบบกันสะเทือน Leapmotor C10 REEV มาเป็นพิเศษสำหรับรถที่ทำตลาดในยุโรปโดยเฉพาะ
ช่วงล่างของ Leapmotor C10 REEV ผมว่าไม่นุ่ม-ไม่แข็งเกินไป รองรับการใช้งานสบายๆ แต่การตอบสนองของพวงมาลัย ไม่ว่าจะปรับไปที่โหมดไหน(Comfort, Sport) อารมณ์ก็ต่างกันนิดเดียว และน้ำหนักเบามือไปนิด ส่วนโหมดที่เกี่ยวกับพลังงานมีให้เลือก 4 แบบคือ EV+, EV, Fuel และ Power+
สำหรับ EV+ รถจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเต็มที่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ติดขึ้นมาปั่นไฟเลย จนกระทั่งแบตเตอรี่พลังงานลดลงต่ำกว่า 9% นั่นเท่ากับว่า คุณสามารถขับรถคันนี้เข้าไปย่านใจกลางเมือง เขตที่ควบคุมการปล่อยไอเสีย (Low Emission Zones) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
กลับกันคือโหมด Power+ เครื่องยนต์จะขยันทำงานมากที่สุดในทุกสภาพการขับขี่ เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับสูง หรือรองรับการขับขี่ที่ใช้ความเร็งสูงต่อเนื่อง
ด้านอัตราบริโภคน้ำมัน หลังจากชาร์จไฟเต็มมาในครั้งแรกครั้งเดียว ลองวัดในช่วง 200 กม. ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ทุกรูปแบบ (สุดท้ายใช้ Power+) ได้ตัวเลขสวยๆ 4.5-4.9 ลิตรต่อ 100 กม.
รวบรัดตัดความ....ที่ยุโรป Leapmotor C10 รุ่น REEV และ EV ขายราคาเท่ากันที่ 37,400 ยูโร (ประมาณ 1.38 ล้านบาท) ส่วนเมืองไทยหากนำเข้าจากโรงงานผลิตประเทศมาเลเซียปีหน้า คาดว่าค่าตัวก็ควรจะอยู่แถวๆ 1 ล้านบาท นี่ละครับ
รีวิว Leapmotor C10 REEV : กรกิต กสิคุณ